การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่กระจายไปทั่วโลก จนถึงขั้นที่นักลงทุนพากันตื่นตระหนกและเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทุกชนิดไม่เว้นแม้กระทั่งสินทรัพย์ดิจิทัล ถึงแม้ว่าราคาสินทรัพย์ดิจิทัลจะลดลงอย่างมากในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็ไม่สามารถสร้างแรงกดดันให้กับราคาของมันได้นานเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้เพราะว่าตั้งแต่เดือน มีนาคม ไล่มาจนถึงปัจจุบัน ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเช่น Bitcoin ก็วิ่งกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเป็นอย่างมาก ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่นั้น ราคาอยู่ที่ 8,653 USD ต่อ 1 Bitcoin ซึ่งเพิ่มขึ้นมากถึง 1,000 USD ภายใน 24 ชั่วโมง และมีทีท่าว่าจะวิ่งขึ้นต่อไป
สาเหตุของการปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลน่าจะมาจาก 2 เหตุผลหลัก
1. มาจากการเทขายเพราะตื่นตระหนกมากเกินไปหรือความต้องการสภาพคล่องของนักลงทุนในตลาด คือสินทรัพย์ทั่วโลกถูกเทขาย ทั้งหุ้น ทอง น้ำมัน หรือแม้กระทั่งตราสารหนี้ ทำให้สภาพคล่องและสินทรัพย์ของนักลงทุนลดลงอย่างมาก พอเกิดโรคระบาดที่ไม่แน่ใจว่าจะจบลงเมื่อไหร่ ความต้องการถือครองเงินสดจึงมีความจำเป็นอย่างมาก Bitcoin จึงถูกเทขายทันทีทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่กระทบกับมันโดยตรง พูดง่าย ๆ คือยอมขายทุกราคาเพื่อให้ได้เงินสดให้เร็วที่สุด แต่ทุกท่านคงทราบดีว่าวิกฤติของอีกคน อาจจะเป็นโอกาสของอีกคนหนึ่งก็ได้ เมื่อนักลงทุนจำนวนหนึ่งที่รอโอกาสทุนลงใน Bitcoin มานาน พอเห็นราคาปรับลงแรง ก็พากันเข้าซื้อและซื้อต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
2. การ Halving ของ Bitcoin ซึ่งโดยปกติเวลาที่เกิดเหตุการณ์นี้ ราคาของมันมักจะขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อมารอ Event ดังกล่าว สังเกตได้จากการที่ราคาค่อยเพิ่มสูงขึ้นอย่างช้า ๆ แต่พอเข้าใกล้วัน Halving ราคามักจะขึ้นแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ Volatility ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยครับ
Bitcoin (BTC)
ในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ ราคา Bitcoin แกว่งตัวอยู่ในกรอบประมาณ 6,367 USD และค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปจนทะลุแนวต้านหลายระดับ เช่น 7,000 , 8,500 ระหว่างทางอาจจะมีการแกว่งตัวบ้างเพียงเล็กน้อย ซึ่งเราคิดว่าแนวต้านที่ใหญ่และมีนัยยะสำคัญจริง ๆ นั้นอยู่ที่ระดับ 9,500-10,000 USD/1 BTC เมื่อถึงระดับนั้นค่อยมาพิจารณาดู Price Action อีกครั้งว่าเป็นอย่างไรครับ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการพูดถึงกันมากเกี่ยวกับ BTC Fear and Greed Index หรือดัชนีที่วัดความกลัวและความโลภใน Bitcoin ด้วยความที่เป็นดัชนีคือมันจะมีค่าที่ 0 ถึง 100 ค่า 0 แปลว่ากลัวสุดขีด ค่า100 แปลว่าโลภอย่างคลุ้มคลั่ง ปัจจุบันค่านี้อยู่ที่ 26 เท่านั้นเอง แปลว่าการซื้อแบบไล่ราคาเพราะความโลภอาจจะยังไม่มากนัก มีนักลงทุนหลายคนที่ยังคงกลัวและยังถือเงินสดรอโอกาสอยู่พอสมควรครับ
ช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเคยเกิดขึ้นและจะยังคงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตลอดไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องการก็คือ อยากให้นักลงทุนทุกท่านจดจำและเรียนรู้จากเหตุการณ์ประมาณนี้ครับ เพราะตลาดคือครูชั้นดีที่ไม่มีใครสอนเรื่องการลงทุนได้ดีไปกว่า Mr.Market อีกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้ติดตามก็คือการ Halving ของ Bitcoin ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ คือการลดรางวัลจากการขุดลงครึ่งหนึ่ง ทำให้โหนดต่าง ๆ เริ่มมองว่าการขุด Bitcoin อาจจะไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่ต้องเสียไปแล้ว การซื้อเอาเลยในตลาดอาจจะง่ายกว่า เมื่อหลายเหตุผลเกิดขึ้นพร้อมกัน นี่คงเป็นสาเหตุของการวิ่งขึ้นของราคา Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นก็เป็นได้
คุณมาคัส ลิม CEO ของ ZIPMEX ได้มีการเขียนข้อความลงใน Linkedin วันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมาว่า “ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์การค้นหาคำว่า Bitcoin ใน Google นั้นได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนที่มากขึ้นกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโลก ผมเชื่อว่านี่อาจเป็นปีที่ดีของ Bitcoin และผู้คนจะให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นครับ”
Ethereum (ETH)
ราคา ETH เมื่อต้นเดือนนั้นอยู่ที่ประมาณ 128 USD ภายในสัปดาห์แรกมันก็วิ่งทะลุทุกแนวต้านสำคัญ เช่น ที่ระดับราคา 170 USD จนมาเล่นที่กรอบบนโดยแกว่งอยู่ในระดับ 220 USD หรือขึ้นมาเกือบ 50 % ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเองครับ
Ripple (XRP)
สำหรับ Ripple นั้นราคาอาจจะไม่โดดเด่นเท่ากับเหรียญอื่น ๆ โดยช่วงต้นเดือนนั้นอยู่ที่ราคา 0.17 USD และแกว่งอยู่ในกรอบ 0.17-0.20 USD ถึงสองสัปดาห์ จนเริ่มทะลุแนวต้านไปได้และวิ่งไปถึง 0.22 USD โดยที่มีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ระดับประมาณ 0.19 USD ซึ่งในตอนนี้น่าจะกลายมาเป็นแนวรับสำคัญ ปัจจุบัน XRP อยู่ที่ 0.225 USD และมีแนวโน้มว่าจะสามารถขึ้นต่อไปได้อีกในอนาคตครับ
ในเดือนมีนาคมนั้น Ripple ได้ประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับการเป็นหุ้นส่วนกับ DeeMoney ที่มีความสามารถด้านการชำระเงินสำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ แต่ในอีกด้านหนึ่ง Intermex ก็บอกว่าไม่ได้ใช้เทคโนโลยี Ripple ในโซนอเมริกาใต้ ซึ่งก็กระทบต่อ Sentiment ของผู้ที่ลงทุนใน Ripple บ้างพอสมควรแต่เรายังเชื่อว่ากระแสของเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะสามารถพาให้ XRP สามารถไปต่อได้ในอนาคต
Litecoin (LTC)
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ราคา Litecoin อยู่ที่ระดับ 38.36 USD และภายใน 1 สัปดาห์ราคาก็วิ่งขึ้นไปแตะระดับ 48-49 USD ในทันที หลังจากนั้นก็มีการลงมาพักฐานโดยการเทสที่ระดับแนวรับเดิมที่ 38-39 USD อีกครั้ง ก่อนจะวิ่งทำ New High ในรอบ 1 เดือนได้สำเร็จ โดยขึ้นมาถึง 24-25 % เรายังคงเชื่อว่าราคาของ LTC จะยังคงเป็นขาขึ้นและสามารถไปต่อได้
อีก 1 ข่าวสารที่สำคัญก็คือ The Litecoin Foundation ยังเป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง We Summon the Darkness และด้วยการให้การสนับสนุนในครั้งนี้ของ The Litecoin Foundation อาจจะช่วยทำให้ผู้คนรู้จักรวมถึงให้การยอมรับ Litecoin มากขึ้นอีกด้วยครับ ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลยนะครับ
Bitcoin Cash (BCH)
ราคาตลาดของ Bitcoin Cash ในช่วงต้นเดือนนั้นอยู่แถว 217.26 USD และภายใน 10 วันเท่านั้นราคาก็วิ่งขึ้นไปถึง 231.29 USD ซึ่งเป็นระดับแนวต้านที่มีนัยยะสำคัญมากในอดีตที่ผ่านมา หลังจากที่ไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ราคาก็ถอยกลับมาอยู่ที่เดิม เรียกว่าเป็นการแกว่งตัวในกรอบกว้าง (Side way) ภายในเดือนเมษายนนี้เลยครับ โดยจากกรอบล่างถึงกรอบบนนั้นอยู่ที่ประมาณ 15 % เรามาคอยดูกันว่าเมื่อไหร่กันที่มันจะสามารถทำ New High ที่ราคา 508.54 USD ได้สำเร็จ
อีกข่าวที่สำคัญก็คือ BCH มีการ Halving ของเงินรางวัลจาก 12.5 กลายเป็น 6.25 อีกด้วยครับ
การวิเคราะห์ทิศทางและภาพรวมของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
เหรียญส่วนใหญ่หลังจากที่ถูกเทขายลงมาอย่างรวดเร็ว ก็มีลักษณะกลับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ภาวะขาขึ้นนี้จะไปต่อหรือพอเท่านี้ไม่มีใครสามารถฟันธงได้ 100 % อย่างแน่นอนครับ
แต่ทางเรายังคงเชื่อมั่นในหลาย ๆ ปัจจัยที่เคยกล่าวมา ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะยังคงเป็นอนาคตและทางเลือกที่พวกเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ผมจึงอยากให้ทุกท่านศึกษาและทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีใหม่นี้ ไม่ว่า COVID-19 จะทำลายเศรษฐกิจโลกไปอีกนานเท่าไหร่ หรือปัจจัยเกี่ยวกับการ Halving ของ Bitcoin จะทำให้นักขุดเริ่มถอดใจกับการ Mining กันมากแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมาแล้วและจะอยู่กับเราไปอีกนานครับ ฉะนั้นมองให้ไกลมองให้ขาด หากมีโอกาสดี ๆ เกิดขึ้น คุณจะเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับประโยชน์จากมันครับ
Zipmex