การวางแผนการเงินของแพทย์จบใหม่
ว่ากันว่าอาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่มั่นคง ทั้งด้านสายอาชีพและรายได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็แลกมาด้วยสุขภาพกับการทำงานหนัก อดหลับ อดนอน ห่างไกลครอบครัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เฉลี่ยเงินเดือนเริ่มต้นก็มากกว่าอาชีพอื่นจริง ไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ไม่ถึงกับยากจน
พี่หมอเป็นแพทย์จบใหม่เมื่อสิบปีก่อน ไม่มีความรู้และประสบการณ์เรื่องการออมเงิน การลงทุนเลย จึงเริ่มศึกษาด้วยตนเอง จากหนังสือ สื่อออนไลน์ต่างๆ แต่ก็ยังขาดความรู้อีกมาก จึงตัดสินใจเรียนต่อบริหารธุรกิจ เอกการเงิน จึงอยากนำความรู้มาถ่ายทอดให้แพทย์จบใหม่ และแพทย์ท่านอื่นๆ
Phase 1 เริ่มต้นชีวิตแพทย์
จากชีวิตนักศึกษาที่ยังไม่มีรายได้ เราจะเริ่มมีรายได้จากการทำงานเป็นครั้งแรก เงินเดือน (Base Salary) ตอนเป็นแพทย์ใช้ทุนของโรงพยาบาลรัฐบาล ไม่ได้มากนัก ตามอัตราของราชการ เงินที่ได้เยอะคือเงินค่าอยู่เวรนอกเวลาราชการ และเงินตรวจคลินิกนอกเวลาราชการ หลังจากน้องๆมีรายได้แล้ว ควรวางแผนการเงินดังนี้
- แบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่ง ตอบแทนบุพการี
- รู้จักสมการการออม รายรับ – เงินออม = รายจ่าย หมายถึง ได้เงินเดือนมาแล้ว ให้หักเงินออมที่คิดว่าจะออมต่อเดือนไปก่อนที่จะนำออกมาใช้จ่าย เช่น ได้เงินเดือน 50,000 บาท จะออม 20% คือ 10,000 บาท ก็นำเงินส่วนนี้ เป็นเงินออมต่อเดือน เปอร์เซ็นการออมที่แนะนำสำหรับแพทย์จบใหม่คือ 10-20%
- ทำบัญชีรายรับ รายจ่าย เพื่อให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น จะทราบถึงรายจ่ายจำเป็น รายจ่ายไม่จำเป็น รายจ่ายคงที่ (Fixed Cost) ที่ต้องจ่ายทุกเดือน
- การทำบัตรเครดิต เชื่อว่าน้องๆหลายคน สมัครบัตรกันตั้งแต่จับฉลากแพทย์ใช้ทุน ตั้งแต่ได้ใบประกอบวิชาชีพ โดยยังไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน พี่หมอมีมุมมองว่า บัตรเครดิต สามารถใช้ได้ ถ้ามีวินัยการเงินที่ดี ต้องมีเงินสดเพียงพอ ก่อนการรูดบัตรเครดิต การมีเครดิต ทำให้เราจ่ายเงินออกไปช้าลง ตามหลักการทางการเงิน เงินเข้าให้รีบเอาเข้ากระเป๋าให้เร็วที่สุด เงินออกให้จ่ายออกไปให้ช้าที่สุด ดังนั้น การจะซื้อของราคาแพงที่มีโปรโมชั่น 0% 10 เดือน ไม่ได้เป็นข้อห้าม แต่ต้องมั่นใจว่า เรามีเงินสดกำไว้ในมือเพียงพอแล้ว ก่อนที่จะรูดออกไป แล้วนำเงินสดไปทำให้เกิดดอกผล ก่อนที่จะจ่ายออกไป
- การวางแผนภาษี เมื่อมีรายได้ จะมาพร้อมกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องจ่าย หลักการคือ ให้วางแผนภาษี คำนวณรายรับที่พึงได้ต่อปี และวางแผนลดหย่อนภาษี ว่าจะมีอะไรลดหย่อนได้บ้าง และวางแผนว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด ในเวลาที่เหมาะสม ไม่ใช่การเลี่ยงภาษี
- เงินสำรองฉุกเฉิน อยากให้สะสมเงินสำรองฉุกเฉิน แม้จะเป็นอาชีพที่มั่นคง เสี่ยงต่อการโดน Lay off น้อยกว่าอาชีพอื่น แต่อยากให้ฝึกเก็บเงินสำรองฉุกเฉินให้เป็นนิสัย โดยเก็บเงินตามค่าใช้จ่ายที่คาดว่าต้องใช้ในแต่ละเดือน ให้อยู่ได้ 3-6 เดือน โดยที่ยังไม่มีรายรับเข้ามาใหม่
- รถหรือบ้าน แพทย์จบใหม่ มักเกิดคำถามว่าจะซื้อบ้านหรือรถก่อนกันดี ประเด็นนี้ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่พี่หมอให้มุมมองไว้ว่า ขณะที่เราใช้ทุน และเรียนต่อเฉพาะทาง ถ้ายังไม่มีความแน่นอนในสถานที่ทำงานในอนาคต การซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ อาจไม่ใช่คำตอบ อีกประเด็นคือ รถ เมื่อซื้อแล้วมีแต่ราคาจะลดลง สมชื่อ แต่ถ้ารถจำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพ การไปทำงานของเรา ผู้เขียนถือว่า รถเป็นสินทรัพย์ในการลงทุนอย่างนึง
- การลงทุนในระยะแรก หลังจากมีเงินออมจำนวนหนึ่ง ที่เป็นเงินเย็น ไม่จำเป็นต้องใช้อะไร ขอให้เริ่มจากการศึกษาหาความรู้ด้านการเงินด้วยตนเองก่อน ซึ่งจากประสบการณ์ วงการแพทย์ไม่ชอบหาความรู้ในส่วนนี้ ชอบสูตรสำเร็จ ว่าให้ทำอย่างไร ซื้ออะไร ตอนไหน ซึ่งพี่หมอไม่แนะนำ
Phase 2 เรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง
หลังจากใช้ทุนในโรงพยาบาลระยะเวลาหนึ่ง ก็ถึงเวลาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง 3-5 ปี แล้วแต่สาขา บางคนอาจเรียนแพทย์ต่อยอดอีก 1-2 ปี ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่กลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง จำเป็นต้องทุ่มเวลาเพื่อการเรียน การรักษาคนไข้ รายรับที่ได้ จะมาจาก 1) เงินเดือนจากโรงพยาบาลต้นสังกัด 2) เงินเวรเหมาจ่าย ซึ่งรวมกันแล้วไม่มาก เมื่อเทียบกับตอนเป็นแพทย์ใช้ทุน
ดังนั้นจึงต้องวางแผนให้ตนเองมีเงินสำรอง ตั้งแต่ระยะเวลาเป็นแพทย์ใช้ทุน เพื่อให้ตอนมาเรียนต่อ ไม่ต้องลดคุณภาพการใช้ชีวิต
การวางแผนการเงินในระยะนี้ คือ
- แบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่ง ตอบแทนบุพการี เหมือนเดิม แต่อาจลดสัดส่วนลงตามรายได้ อธิบายพ่อแม่ให้เข้าใจ
- มีวินัยในการออม ลดสัดส่วนลงได้ อาจเหลือ 5-10% ของรายรับ แต่ยังคงต้องมีวินัยในการออม
- ทำบัญชีรายรับ รายจ่าย แต่อาจลดความละเอียดลง ทำเป็นภาพรวมรายสัปดาห์แทนได้
- การวางแผนภาษี ช่วงนี้ แม้รายได้จะไม่เยอะ แต่ยังคงต้องเสียภาษี ยังคงต้องวางแผนภาษี ช่วงอายุนี้ แนะนำการทำประกันชีวิต (ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท ) และกองทุน SSF (Super Saving Funds) หรือ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (ซึ่งพี่หมอจะมีบทความเรื่อง SSF มาให้อ่านเร็วๆนี้) ยังไม่แนะนำกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
- การลงทุน ช่วงนี้ไม่เหมาะกับการลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) เพราะมีเวลาติดตามข่าวสารน้อย ต้องเรียนและดูแลคนไข้เป็นหลัก แนะนำการลงทุนในกองทุนรวม (Mutual Fund) ที่มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล และการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ DCA (dollar-cost averaging)
Phase 3 จบแพทย์เฉพาะทาง
หลังจากจบแพทย์เฉพาะทาง ส่วนใหญ่ก็กลับไปทำงานในโรงพยาบาลต้นสังกัด หรือทำงานในโรงพยาบาลเอกชน ระยะนี้เป็นระยะที่สร้างรายได้ จบใหม่ ไฟแรง มีรายรับเข้ามามาก แนะนำวางแผนการเงินดังนี้
- แบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่ง ตอบแทนบุพการี เหมือนเดิม และเพิ่มสัดส่วนมากขึ้น ระยะนี้ พ่อแม่หลายคนเริ่มเข้าสู่ระยะเกษียณ ซึ่งตามมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่คาดคิด ต้องเผื่อเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับดูแลบุพการีด้วย
- มีวินัยในการออม ในสัดส่วนที่มากขึ้น จะมากน้อยแล้วแต่บุคคล
- ควบคุมรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพราะการลดรายจ่าย ง่ายกว่าการเพิ่มรายได้ ให้ลดกิเลส ลดความอยากได้ อยากมี อยากเป็นลง คิดให้เยอะ ก่อนที่จะซื้ออะไรสักอย่างนึง
- ทำบัญชีรายรับ รายจ่าย แบบละเอียดอีกครั้ง เพื่อหารอยรั่วที่ป้องกันได้
- การวางแผนภาษี ช่วงนี้เป็นช่วงที่จ่ายภาษีมากที่สุด ตามฐานรายได้ แนะนำประกันชีวิต กองทุน SSF (Super Saving Funds) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ประกันแบบบำนาญ ประกันสุขภาพ (รายละเอียดค่อนข้างมาก ขอเจาะลึกในบทความต่อไป)
- การลงทุน ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีเวลาศึกษาหาข้อมูลตลาด เศรษฐกิจ ปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการลงทุนมากขึ้น เป็นเวลาที่เหมาะกับการการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตลาดตราสารหนี้ ลงทุนในทองคำแท่ง โดยใช้การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) คือ การวางแผนกระจายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Assets) หลายประเภทที่แตกต่างกันไปเพื่อบรรลุเป้าหมายการลงทุนระยะยาว (Long – term Investment Goal) ลงทุนตามความเสี่ยงที่ตนเองยอบรับได้ โดยใช้กองทุนรวม (Mutual Fund) เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายการลงทุนระยะยาว แต่ถ้าเราไม่มีเวลาติดตาม Portfolio อาจใช้บริการของ Private Wealth ก็ได้ (ซึ่งทาง FINNOMENA Private Wealth มีบริการแนะนำการลงทุนในกองทุนรวม สำหรับการลงทุน 3 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะดูแลตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย วางแผน และการแนะนำพอร์ตที่เหมาะกับนักลงทุน)
- วางแผนชีวิต เป็นช่วงที่ต้องคิดเรื่องการแต่งงาน การมีบุตร การซื้อบ้าน คอนโด เปลี่ยนรถ เป็นต้น หลักการคือ การเงินต้องวางแผน ต้องคิดล่วงหน้า การเป็นหนี้ ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ต้องเป็นหนี้ที่มีประโยชน์ เพื่อการดำรงชีวิต ให้สนใจเรื่องดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย การ Refinance ให้ประหยัดดอกเบี้ยมากที่สุด
- การวางแผนการเกษียณ เป็นช่วงที่ต้องคิดเรื่องการวางแผนเกษียณแต่เนิ่นๆ เพราะการวางแผนเร็ว ทำให้การทำงานของดอกเบี้ยทบต้น มีประโยชน์สูงสุด
เหล่านี้เป็นเพียงมุมมองของพี่หมอ ในการแบ่งปันประสบการณ์ ไม่ใช่ Guideline ที่ต้องทำตาม จุดประสงค์คือ อยากนำความรู้ทางการเงินมาเผยแพร่กับเพื่อนแพทย์ โดยแพทย์ที่เป็นนักวางแผนการเงิน
พี่หมอนักลงทุน
facebook.com/investdoctor