ปัจจุบันนักลงทุนหลายท่านคงเริ่มคุ้นเคยกับการลงุนกองทุนรวมมากขึ้นแล้ว แต่บางท่านอาจจะมีประสบการณ์การซื้อกองทุนรวมทิ้งไว้แล้วแต่ประสบกับปัญหาที่กองทุนดังกล่าวขาดทุนต่อเนื่องยาวนาน ทำให้เงินก้อนดังกล่าวถูกแช่ไปกับภาวะขาดทุน หรือภาษานักลงทุนที่เรียกว่าติดดอยนั่นเอง
และจากประเด็นดังกล่าวทางทีมการลงทุนของเราจึงให้ความสำคัญกับคำแนะนำการลงทุนทั้งในการ “แนะนำซื้อ” และการ “แนะนำขาย” ด้วยเช่นกัน เนื่องจากปกติแล้วสินทรัพย์การลงทุนต่างๆ มักจะมีปัจจัยที่กระตุ้นให้ราคาสินทรัพย์เคลื่อนไหวไปในทิศทางขึ้นและลงได้แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงมูลค่าของสินทรัพย์ดังกล่าวอาจจะมีความถูกหรือแพงแตกต่างกันตามช่วงเวลา บางครั้งการถือสินทรัพย์ต่างๆไว้ตลอดช่วงระยะเวลาการลงทุนจึงอาจจะทำให้นักลงทุนเผชิญกับความผันผวนที่สูงกว่าการขายทำกำไรหรือการขายเพื่อ Stop loss
โดยปกติแล้วการแนะนำขายจึงมีอยู่ 2 เหตุผลหลักๆ ในพอร์ต GAR คือ เหตุผลแรกเป็นการขายทำกำไร เนื่องจากเรามองว่าสินทรัพย์การลงทุนดังกล่าวมีการปรับตัวขึ้นมามากพอแล้ว อาจจะร้อนแรงไปในระยะสั้น หรืออยู่ในโซนที่มีราคาแพงเกินพื้นฐานไปมาก เราจึงแนะนำขายเพื่อเก็บผลกำไรให้กับพอร์ตการลงทุน
เหตุผลที่สองเป็นการขายเพื่อ Stop loss เนื่องจากเรามองว่าปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ราคาสินทรัพย์ดังกล่าวปรับตัวขึ้นต่ออาจมีทิศทางที่เปลี่ยนไป หรือทางเรามีมุมมองที่เปลี่ยนไปต่อราคาสินทรัพย์ดังกล่าวและมองว่าอาจจะส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ดังกล่าวปรับตัวลงต่อไปได้อีก ด้วยวิธีนี้เราจะแจ้งให้ลูกค้าทำการขายเพื่อ Stop loss เช่น การกำหนดจุด Stop loss ในช่วงไม่เกิน 7-10% ของการแนะนำการลงทุน
ด้วยวิธีการดังกล่าวทำให้เราเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนของลูกค้า ทั้งเป็นการเก็บผลกำไรและการควบคุมความเสี่ยง จำกัดการขาดทุน และสามารถนำพาให้พอร์ต GAR สร้างผลตอบแทนระยะยาวได้ตามเป้าหมายที่ประมาณ 8-10% ต่อปี โดยมีความผันผวนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ