ตอนนี้คุณหมอทำอะไรอยู่บ้าง?
เป็นอาจารย์แพทย์ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ทั้งเป็นแพทย์ตรวจรักษาคนไข้ เป็นอาจารย์ผู้สอน นักวิจัย ในส่วนของนอกเวลาราชการจะเป็นแพทย์รักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลพระราม 9 ด้วย และมีส่วนช่วยงานของสมาคมรักกระดูกค่ะ ด้วยอาชีพของที่ทั้งเรารับราชการ เป็นผู้สอน และยังรักษาคนไข้ ทำให้เราไม่ค่อยมีเวลามากนักทำให้ไม่ค่อยมีเวลาศึกษาด้านการลงทุนเท่าไหร่
จุดเริ่มต้นแรกในการเข้ามาในแวดวงการลงทุนของคุณหมอคืออะไร?
โดยปกติแล้วตนเองมีความสนใจและชอบที่จะลงทุนตั้งแต่สมัยเรียนที่สหรัฐอเมริกา และส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ไม่ได้มีเวลาศึกษาเรื่องการลงทุนมากขนาดนั้น เพราะส่วนใหญ่ทุ่มเวลาให้กับการศึกษาด้านการแพทย์เสียมากกว่า แต่สมัยเรียนก็มีคนชักชวนให้ลงทุนในกองทุนรวมบ้าง เช่น ลงทุนใน S&P500 และ NASDAQ ซึ่งเราก็สนใจนะ ก็เลยลงทุนไป แต่ก็ลงทุนโดยไม่ได้มีความรู้ อาจเป็นเพราะเราเชื่อ คำบอกที่ว่า “ถ้าเราไม่ลงทุน มูลค่าเงินก็จะน้อยลงทุกวัน หากเรานำเงินมาลงทุนเราก็จะมีความหวังว่าสักวันเราจะมีอิสระทางการเงินได้”
เป้าหมายการลงทุนของคุณหมอคืออะไร?
อย่างที่กลาวไว้ในคำถามก่อนหน้านี้คือ “ใคร ๆ ก็อยากมีอิสระทางการเงิน” อีกทั้งส่วนตัวไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนที่มากมายอะไรนัก ซึ่งเราต้องการผลการผลตอบแทน 7-10% ต่อปี โดยที่ความเสี่ยงไม่มาก อยู่บนความเสี่ยงที่เรารับได้ โดยเป้าหมายระยะยาวของเราก็คือ ต้องการมีอิสระทางการเงิน และระยะสั้นคือ ต้องการผลตอบแทน 7-10% ต่อปี
คุณหมอยึดหลักการอะไรบ้าง ที่สามารถนำมาใช้กับการลงทุน?
เราไม่ได้ยึดหลักการอะไรเป็นหลัก แค่เราเห็นว่ากองไหนราคาตกก็ซื้อกองนั้นเก็บไว้ ส่วนตัวแล้วไม่ได้ขายอะไรเลย มองว่าเป็นการเก็บไว้ระยะยาว ไม่ได้ไปดูว่ากองที่ซื้อนั้นขาดทุนหรือกำไร
เพราะอะไรคุณหมอถึงตัดสินใจเลือกลงทุนกับ FINNOMENA?
เพราะครั้งหนึ่ง เราเคยฟังคุณแบงค์ ชยนนท์พูด แล้วรู้สึกประทับใจที่ว่าด้วยเรื่อง “ความชำนาญในการประกอบอาชีพเป็นเรื่องของเราเอง ส่วนเรื่องการลงทุนและความเชี่ยวชาญให้เป็นเรื่องของ FINNOMENA ที่จะมาดูแล” เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราถนัด ไม่มีเวลา ทำให้เรารู้สึกว่าชอบคอนเซ็ปต์นี้ และชอบที่เราไม่ต้องคิดเองว่าเราต้องลงทุนอะไร และอีกแง่หนึ่งของ FINNOMENA คือการให้ความรู้ที่ดี และมีเหตุมีผลในการดูแลการลงทุนของเรา
คุณหมอคิดว่า FINNOMENA สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาการลงทุนในจุดไหนของคุณหมอได้บ้าง?
แต่เดิมแล้วเรามีกองทุนที่เยอะไปหมดและทั้งหลากหลายธนาคาร ซึ่งมันทำให้เราสับสนแล้วไม่รู้ว่ากองทุนที่เรามีทั้งหมดมีสัดส่วนอย่างไร ตราสารหนี้เท่าไหร่ ทองเท่าไหร่ หรืออื่น ๆ เท่าไหร่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้เราซื้อไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เราได้รับเลย ช่วงหลังก็ทยอยขายและมารวมเป็นก้อนเดียว
แต่เมื่อมาใช้ FINNOMENA ทำให้เรารู้ว่าสัดส่วนการลงทุนของเราตอนนี้เป็นอย่างไร ทั้งในแง่ของการบริหารจัดการจังหวะการลงทุน ช่วงไหนควรลงทุนอะไร ซึ่งเราสามารถฟังได้จาก FINNOMENA Podcast, FINNOMENA Live ทำให้เราเข้าใจว่าจังหวะนี้ควรลงอะไร ในส่วนต่อมาที่เราชอบก็คือ แอปพลิเคชั่นที่เข้าใจง่าย อับเดตพอร์ตให้เราดูได้ว่าเป็นไปตามเป้าหมายของเราหรือไม่ สุดท้ายคือการ Rebalance ว่าช่วงไหนกำไรช่วงไหนขาดทุนเราก็สามารถซื้อขายได้ โดยรวมแล้ว FINNOMENA มาช่วยให้ชีวิตการลงทุนในกองทุนรวมของเรามีระบบในการลงทุนมากขึ้น ลงได้หลายกอง ได้ทุก บลจ. และมีที่ปรึกษาทางการเงินในคำปรึกษาที่ดีต่อการลงทุนของเราอีกด้วย
คุณหมอมองว่า FINNOMENA แตกต่างจากการลงทุนที่อื่นอย่างไร?
ก่อนที่เราจะมาลงทุนกับ FINNOMENA เราก็เคยลงกับธนาคารแห่งหนึ่งมาก่อน ซึ่งทางธนาคารก็มีคนจัดสัดส่วนกองทุนในพอร์ตของเราให้ แต่ยังมีความรู้สึกไม่ค่อยถูกใจเราเสียเท่าไหร่ รู้สึกยังไม่ตอบโจทย์กับเป้าหมายของเรา แต่ที่ปรึกษาทางการเงิน FINNOMENA ตอบโจทย์ตามความต้องการและเป้าหมายของเราได้ถูกใจได้มากกว่า ซึ่งการให้คำปรึกษาที่มีเหตุมีผลว่าทำไมต้องกองนี้หรือเพราะอะไรถึงไม่ควรถือต่อ และตัวแอปพลิเคชั่นใช้งานง่ายมาก ธุรกรรมทำได้ง่าย สะดวกมากค่ะ
อยากให้คุณหมอฝากอะไรถึงนักลงทุนท่านอื่นสักนิด ที่เป็นผู้เริ่มต้น หรือกำลังเดินอยู่บนเส้นทางการลงทุน ควรจะต้องทำตัวอย่างไรบ้าง?
เราควรจะรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เราลงทุน ลงทุนไปด้วยเหตุผลอะไร ถ้าเราไม่ได้มีความรู้ไม่ได้มีเวลาก็ให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล เริ่มที่ FINNOMENA ก็ดีกว่า มีทั้งพอร์ตที่หลากหลายให้เลือก มีระบบแจ้งเตือน เงินไม่เยอะก็สามารถลงทุนได้ ดีกว่าไปลองผิดลองถูกเอง เหมาะกับคนที่เริ่มลงทุน และผู้ที่ลงทุนมาแล้วระดับหนึ่งก็สามารถใช้ได้
อ่านเรื่องราวความประทับใจจากนักลงทุนท่านอื่น ๆ ได้ที่ https://www.finnomena.com/testimonials/