วิกฤต Tesla จาก Elon Musk

Tesla Takedown อายที่จะใช้รถ Tesla

วิกฤตแห่งศรัทธาของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla จากที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมและความทันสมัยที่ครองใจคนทั่วทั้งโลก

แต่ในวันนี้ Tesla ภายใต้การนำของ Elon Musk กำลังตกอยู่ค่ำคืนอันมืดมิด จากกระแสการคว่ำบาตรในสหรัฐอเมริกา

กระแสไม่เอา Tesla ที่ดังกระหึ่มทั่วสหรัฐ มีต้นตอเกิดขึ้นมาจากการที่ Elon Musk เข้ามาเล่นการเมืองแบบเต็มตัวด้วยการชักชวนของ Donald Trump ทว่าการ Musk เข้ามาขลุกตัวอยู่ในทำเนียบขาวมากเกินไป กลับกลายเป็นดาบสองคมที่หันกลับมาทิ่มแทงธุรกิจที่เขาปั้นมากับมือ

บทบาทของ Elon Musk คือเข้ามาในฐานะหัวหน้ากระทรวง DOGE ที่มีหน้าที่หลัก ๆ คือการลดต้นทุนของรัฐบาล

สิ่งแรกที่เขาลงมือทำก็คือการไล่ปลดพนักงานของรัฐบาลกลางจำนวนหลายหมื่นชีวิตแบบไม่ทันได้ตั้งตัว พีคสุดก็คือใช้วิธีการส่งอีเมลให้พนักงานรัฐเขียนระบุผลงานตนเองในสัปดาห์นั้น หากใครไม่ตอบกลับ ถือเข้าใจกันว่า “สมัครใจลาออก”

มีรายงานว่าชาวอเมริกันจำนวนมาก ไม่พอใจไปจนถึงโกรธแค้นต่อการกระทำของซีอีโอ Tesla เกิดการประท้วงและคว่ำบาตรการใช้รถยนต์ Tesla

ซึ่งไม่ใช่แค่สาเหตุของจากการที่เขามีบทบาทในการปลดพนักงานของรัฐบาลกลางเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการที่ Musk เริ่มเข้ามาแทรกแซงกิจการต่างประเทศ และมีการแสดงท่าทีที่ถูกมองว่าคล้ายสัญลักษณ์นาซี ด้วยการชูมือขวาขึ้นฟ้า 2 ครั้ง หลังพิธีสาบานตนของทรัมป์

มีผู้เข้าประท้วงให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันรู้สึกอายที่จะให้ใครเห็นว่าขับรถ Tesla คันนั้น” พร้อมแปะสติ๊กเกอร์ที่ท้ายรถว่าฉันซื้อมันก่อนที่มัสก์จะเป็นบ้า (I bought this before Elon went crazy)

การพังทะลายของแบรนด์ Tesla

Source: Visual Capitalist as of 10/03/2025

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ Tesla มากทีเดียว JPMorgan Chase มองว่า Tesla ได้รับความเสียหายด้านภาพลักษณ์ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยพยายามนึกหาตัวอย่างที่คล้ายคลึงกันในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ไม่พบกรณีใดที่แบรนด์สูญเสียมูลค่ามหาศาลได้รวดเร็วเช่นนี้

กระแสต่อต้าน Tesla เป็นระดับนานาชาติ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง เรียกได่ว่าเป็นช่วงเวลาของการดำดิ่งสู่ความมืดมิดของ Elon Musk และ Tesla ก็ว่าได้

สถานการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 มีรายงานออกมา ลดลงอย่างหนักในหลาย ๆ ตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปและออสเตรเลีย

ตลาดในยุโรป ยอดขายลดลงไปถึง 50% เทียบกับช่วงปีก่อน หนักสุดคือเยอรมนีที่ยอดขายลดลงไปถึง 76% เหลือจำนวนยอดขายเพียง 1,429 คัน จากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ที่มียอดขาย 6,000 คัน

ยอดขายในสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มตกต่ำ สมาคมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย รายงานว่า ปีที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนรถ Tesla ลดลงไป 12%

แม้แต่ตลาดในเมืองจีนซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก ยอดขาย Tesla ก็เหือดแห้งไม่ต่างกัน โดยมียอดขายต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง สวนทางกับคู่แข่งอย่าง BYD อย่างสิ้นเชิง ที่ยอดขายเติบโตถึง 161%

ราคาหุ้น TSLA ร่วงหนักจัด

Source: Bloomberg as of 12/03/2025

จริงอยู่ว่าปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากของหุ้นขนาดใหญ่ในสหรัฐ แต่ Tesla ดูจะหนักหนากว่าใครเพื่อน แถมเป็นที่โหล่ของ 7 นางฟ้า นับตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้นร่วงลงกว่า 35% มูลค่าตลาดของบริษัทยังตกชั้น Trillion Dollar Club ไปแล้ว

หันมามองราคาปัจจุบันตกลงจาก 500 มาแถวบริเวณ 200 ต้น ๆ แน่นอนแหละว่าถ้ามองแค่ราคาหุ้นดูเหมือนจะถูกทิ้งดิ่งตกเหวลึก แต่ราคาหุ้นยังเทรดที่ PE ระดับ 120 เท่า ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่าถูก และยังดูน่ากลัวพอสมควร

แต่ถ้าใครเห็นว่าจังหวะปรับฐานครั้งนี้ เป็นโอกาสในหุ้น Tesla และมองไปถึง Growth Story ข้างหน้าที่ Tesla คงไม่ใช่แค่ผู้ผลิต EV แต่จะขยายไปสู่ AI & Robotics ที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง และอาจยังไม่ถูกสะท้อนในมูลค่าหุ้นปัจจุบัน

ซึ่งถ้าว่ากันจริง ๆ Tesla ก็เริ่มแสดงให้เห็นว่าจากการเปิดตัว Robotaxi ที่ประกาศให้ชาวโลกรู้ว่ากำลังลุยเต็มกำลังสู่ยุครถไร้คนขับ

สุดท้ายนี้… คิดยังไงกันบ้าง จะเท Tesla หรือหาโอกาสในค่ำคืนในมืดมิดนี้

Wealth Health Check