สรุปการประกาศงบจาก 3 บริษัท Tech ชั้นนำของโลก! [Amazon, Microsoft, Facebook]

ณ ช่วงนี้ บริษัท Tech ชื่อดังได้ประกาศการสรุปงบของไตรมาสแรกของปีกันแล้วนะคะ เราจึงมารวบรวมข้อมูลการสรุปงบจาก 3 บริษัทดัง ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Microsoft และ Facebook ให้อ่านกันค่ะ

สรุปการประกาศงบจาก 3 บริษัท Tech ชั้นนำของโลก! [Amazon, Microsoft, Facebook]

1. Amazon

Amazon ได้ออกมาประกาศสรุปผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งตัวเลขโดยรวมได้สูงกว่าค่าที่นักวิเคราะห์ได้ออกมาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า แต่ทางบริษัทก็ได้ออกมาชี้แจงถึงตัวเลขที่จะออกมาในไตรมาสต่อมา ที่อาจออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้

การประกาศงบของบริษัท Amazon ในไตรมาสแรกของปี 2019

รายได้บริษัท: บริษัทรายงานที่ 59.7 พันล้านดอลล่าร์ และนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ที่ 59.68 พันล้านดอลล่าร์ แต่เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปีที่แล้ว บริษัทได้รายงานผลไว้ที่ 51.04 พันล้านดอลล่าร์

กำไรต่อหุ้น (GAAP): บริษัทรายงานไว้ที่ 7.09 ดอลล่าร์ ซึ่งการคาดการณ์ของ Wall Street อยู่ที่ 4.67 ดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสแรก บริษัทได้รายงานว่าค่ากำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 3.27 ดอลล่าร์

การคาดการณ์ของบริษัทเกี่ยวกับรายได้บริษัทในไตรมาสสอง: บริษัทได้ชี้แนวว่ารายได้คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 59.5 พันล้าน จนถึง 63.5 พันล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จาก Wall Street อยู่ที่ 62.37 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะเดียวกัน ในช่วงไตรมาสที่สองของปีที่แล้ว Amazon มีรายได้อยู่ที่ 52.9 พันล้านดอลล่าร์

การคาดการณ์ของบริษัทเกี่ยวกับค่ากำไรต่อหุ้นในไตรมาสสอง: ถึงแม้ Amazon ไม่ได้ชี้แนะเกี่ยวกับกำไรโดยรวม แต่ว่ากำไรจากการดำเนินงาน (Operating profit) คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 2.6 พันล้าน ถึง 3.6 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่ากำไรจากการดำเนินงานของ Amazon จะอยู่ที่ 4.2 พันล้านดอลล่าร์ และค่ากำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 6.34 ดอลล่าร์ โดยในปีที่แล้วของช่วงไตรมาสสอง บริษัทได้ประกาศว่ากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3 พันล้านดอลล่าร์ และมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 5.07 ดอลล่าร์

โดยราคาปิดการซื้อ-ขายหุ้นของ Amazon ขึ้นมาเพียง 0.50 ดอลล่าร์ หรือน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ราคา 1,902.25 ดอลล่าร์

รายได้เติบโตจาก AWS ถึง 40 เปอร์เซ็นต์

ผลประกอบการของ Amazon ส่วนใหญ่มาจาก Amazon Web Services (AWS) ธุรกิจประเภท cloud-computing ที่ช่วยให้บริษัทเติบโตได้ในระยะหลายปีที่ผ่านมา ถ้าหากรวมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ การขายจาก AWS สามารถโตถึง 42 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 7.7 พันล้านดอลล่าร์จากไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ซึ่งจะเห็นว่า AWS เติบโตถึงประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2017

AWS รายงานว่ามีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating profit) อยู่ที่ 2.2 พันล้านดอลล่าร์ สูงขึ้นถึง 59 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่ง AWS นับว่าเป็นแหล่งที่สร้างกำไรจากการดำเนินงานของ Amazon ถึงครึ่งนึงของไตรมาสแรก

อีกทั้งบริษัทได้รายงานยอดขายถึง 35.8 พันล้านดอลล่าร์ ขึ้นมาประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์จากช่วงไตรมาสแรกของปีที่แล้ว แต่ว่ารายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมาเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน อยู่ที่มูลค่า 2.3 พันล้านดอลล่าร์

การชะลอตัวลงของธุรกิจ Amazon ประเภทอื่นๆ

ถึงแม้การประกาศงบของ Amazon โดยรวมจะดูแข็งแรงกว่าที่ใครหลายๆ คาดการณ์ไว้ เพียงแต่ว่าธุรกิจบางประเภทของ Amazon ก็ยังมีการชะลอตัวอยู่บ้าง เช่น ธุรกิจด้านโฆษณาที่มีการเติบโตเพียง 36 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าของช่วงระยะเวลาอื่นๆ ของธุรกิจโฆษณาของ Amazon หรือธุรกิจด้าน E-commerce ที่โตเพียง 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หรือ 29.5 พันล้านดอลล่าร์

สรุปการประกาศงบจาก 3 บริษัท Tech ชั้นนำของโลก! [Amazon, Microsoft, Facebook]

2. Microsoft

ต่อมา Microsoft ได้ประกาศงบเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่ง Cloud ของ Microsoft มีการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ และรายได้ของบริษัทสูงขึ้นถึง 14 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปี ส่งผลให้หุ้นของบริษัทขึ้นมาประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ และปัจจัยการเติบโตของบริษัทส่วนหนึ่งมาจากการหนุนของผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเช่น Microsoft Azure ที่เป็น Cloud-computing platform และ Office 365 ธุรกิจด้าน Productivity suite ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่สำคัญสำหรับ Microsoft หลังจากที่ธุรกิจ Windows PCs ได้ค่อยๆ เริ่มหดตัวลง

กำไรจากหุ้นสามารถทำให้มูลค่าของบริษัทขึ้นไปถึง 1 ล้านล้านดอลล่าร์ ทำให้เป็นบริษัทที่ 3 รองจาก Apple และ Amazon ที่สามารถแตะถึงมูลค่านี้ได้

การประกาศงบของบริษัท Microsoft

รายได้ของ Microsoft: 30.6 พันล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ของ Wallstreet ที่คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 29.86 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งเติบโต 14 เปอร์เซ็นต์

กำไรต่อหุ้น (GAAP): 1.14 ดอลล่าร์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับมูลค่าการคาดการณ์ที่ 1 ดอลล่าร์

รายได้สุทธิ: 8.8 พันล้านดอลล่าร์ สูงขึ้นมาถึง 19 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

เมื่อดูในส่วนของรายได้ธุรกิจประเภทต่างๆ ของ Microsoft ในส่วน Commercial cloud ของบริษัท คิดเป็น 9.6 พันล้านดอลล่าร์ สูงขึ้นถึง 41 เปอร์เซ็นต์ สำหรับธุรกิจประเภท Productivity and business processes ที่มีรายได้อยู่ที่ 10.2 พันล้านดอลล่าร์ ขึ้นมา 14 เปอร์เซ็นต์ในระหว่างปีต่อปี และธุรกิจประเภท Personal computing ที่รวมไปถึง Windows, Xbox และ Surface สูงขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ นับเป็น 10.7 พันล้านดอลล่าร์

สรุปการประกาศงบจาก 3 บริษัท Tech ชั้นนำของโลก! [Amazon, Microsoft, Facebook]

3. Facebook

การประกาศงบของ Facebook ชี้ให้เห็นว่าผลประกอบการของบริษัทสูงกว่ามูลค่าที่คาดการณ์ไว้

การประกาศงบของบริษัท Facebook

กำไรต่อหุ้น: 85 เซ็นต์ต่อหุ้น (เทียบไม่ได้กับการคาดการณ์ เพราะเจอค่าปรับจาก FTC ซึ่งเป็นการจ่ายเงินครั้งเดียว)

รายได้: 15.08 พันล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับการคาดการณ์โดย Refinitiv อยู่ที่ 14.98 พันล้านดอลล่าร์

จำนวนผู้ใช้รายวัน: 1.56 พันล้านคน ซึ่งการคาดการณ์จาก FactSet อยู่ที่ 1.56 พันล้านคน

จำนวนผู้ใช้รายเดือน: 2.38 พันล้านคน เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของ FactSet ที่วิเคราะห์ว่าจำนวนผู้ใช้รายเดือนอยู่ที่ 2.37 พันล้านคน

รายได้ต่อผู้ใช้: 6.42 ดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับ 6.39 ดอลล่าร์คาดการณ์โดย FactSet และเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รายได้ต่อผู้ใช้จะอยู่ที่ 5.53 ดอลล่าร์ โตขึ้นมา 16 เปอร์เซ็นต์

การเติบโตของ Stories

ตอนนี้บริษัทกำลังมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจาก News Feed ads เนื่องจากจะเพิ่มรายได้ทางโฆษณาจากผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท Stories ซึ่ง Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook กล่าวว่าตอนนี้ฟีเจอร์ Stories ของทั้ง Facebook, Messenger หรือ WhatsApp มีจำนวนผู้ใช้งานรายวันอยู่ที่ 500 ล้านคน รวมไปถึง Sheryl Sandberg COO ของ Facebook รายงานว่า ณ ปัจจุบัน บริษัทได้มีผู้ลงโฆษณาทั้งหมด 3 ล้านคนที่ใช้ Stories ในการโฆษณาที่ Instagram, Facebook และ Messenger จึงทำให้ส่วนของ Stories มองว่าเป็นส่วนสำคัญสำหรับโอกาสการเติบโต ซึ่งทาง Facebook มองเห็นโอกาสในการเพิ่มอุปสงค์ (Demand) ในด้าน Stories เพื่อที่จะดึงดูดคนที่จะลงโฆษณาผ่าน Stories และเพิ่มประสิทธิภาพด้าน direct response units

การให้ความสำคัญกับ Privacy และ Regulation ของ Facebook

Mark Zuckerberg กล่าวไว้ว่าอนาคตของบริษัทจะให้ความสำคัญกับ Privacy (ความเป็นส่วนตัว) เป็นหลัก มีแผนสำหรับระยะเวลา 5 ปีต่อมาหรือยาวนานกว่านั้น โดยมองว่าบริษัทต้องเป็น ‘private, encrypted services’ (บริการที่มีความส่วนตัวและปลอดภัย) รวมไปถึงธุรกิจของ Facebook Marketplace และ ฟีเจอร์ใหม่ของ Instagram ในด้านธุรกิจ E-commerce ที่จะสร้าง Private interactions สำหรับการชำระเงิน สำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยในเรื่องของยอดขาย และสามารถให้แต่ละธุรกิจสามารถลงทุนกับค่าโฆษณาใน Facebook ได้อีกด้วย

อยากลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ทำอย่างไร?

พอร์ต FINNOMENA Best-in-Class Technology จะเน้นลงทุนในกองทุน Feeder Fund ที่กองทุนหลักลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก คัดมาเน้นๆ 3 กองทุนที่ดีที่สุด หากสนใจ คลิกที่ https://www.finnomena.com/bic-tech-private-banking/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลย

ที่มา:
https://www.businessinsider.com/amazon-q1-2019-earnings-aws-advertising-retail-prime-2019-4
https://www.businessinsider.com/microsoft-earnings-fiscal-q3-revenue-profit-2019-4
https://www.cnbc.com/2019/04/24/facebook-earnings-q1-2019.html

TSF2024