ผ่านไตรมาส 1/2560 ไปกันแล้ว ปรากฏว่า สินทรัพย์ที่ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดในโลก ได้แก่ MSCI Emerging Markets หรือ ดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่นั่นเอง โดยให้ผลตอบแทน 3 เดือนแรกของปี สูงถึง 12% โดยตลาดหุ้นอินเดียให้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมตามมาที่ระดับ 11% รวมถึงทองคำที่ดีดตัวขึ้นจากปลายปีที่ผ่านมามากกว่า 10% ทั้งนี้ Commodities ที่ปรับตัวขึ้นดีในปีที่แล้วได้ชะลอการปรับตัวขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่โดนกดดันจากความไม่แน่นอนจากข้อตกลงลดกำลังการผลิตระหว่างกลุ่ม OPEC และ non-OPEC ที่ดูเหมือนจะเพียงซาอุฯที่เดียวพยายามลดกำลังการผลิตอย่างจริงจัง ในขณะที่กำลังการผลิต และปริมาณสำรองน้ำมันในสหรัฐฯกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่มีอิทธิพล และส่งผลต่อ Fund Flow ในภาพใหญ่ในช่วงไตรมาส 1/60 นี้ก็คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% จากการประชุมคณะ FOMC เมื่อกลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของปี และครั้งที่ 3 ของรอบนี้ โดยนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ให้ถ้อยแถลงที่น่าสนใจว่า จะขึ้นดอกเบี้ยโดยพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน และคำนึงถึงอัตราการจ้างงาน และเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นสำคัญ รวมถึง ประมาณการ Dot Plot ซึ่งสะท้อนว่า คณะกรรมการในที่ประชุม มีมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยที่ชะลอตัวลง ซึ่งเมื่อรวมกับ การที่นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิปดีสหรัฐฯ สั่งถอนร่างกม. Trumpcare และต้องการยกเลิก Obama Care สาเหตุมาจาก การรวมเสียงข้างมากในสภา Congress ไม่ได้ ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความกังวลถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯในอนาคต และนโยบายต่างๆที่ทรัมป์ได้หาเสียงเอาไว้ ว่าสามารถทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน

ผลคือ Fund Flow ชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่ US Treasury Yield ปรัวตัวลดลงทุกช่วงอายุ กระแสเงินทุนจึงไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา บวกกับ กำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนในปีที่แล้วที่ออกมา พบว่า มากกว่า 50% ใน MSCI Emerging Markets มีกำไรดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์

ในระบบการจัดพอร์ตโฟลิโอเพื่อการลงทุนของเรา ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนใดๆอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่มุมมองของ FINNOMENA Guru ยังเห็นควร คงสัดส่วนการลงทุน ไว้ที่ระดับเดิม ความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายแบบ Aggressive ภายใต้การบริหารของนายทรัมป์ เริ่มเบาบางลง และเราน่าจะได้เห็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆจากสหรัฐฯซึ่งน่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงในตลาดเกิดใหม่ในระยะยาว โดยให้จับตานโยบายกีดกันการค้า และกำแพงภาษี ซึ่งมีโอกาสกระทบกับบางภาคส่วนในไทย และในเอเชีย โดยเฉพาะจีน

สรุปผลการดำเนินงานของ FINNOMENA PORT

01-goal-mar

ผลการดำเนินงานของพอร์ตโดยรวมในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา กองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ KF-EM พยุงพอร์ต จากการ Outperform ของตลาดหุ้นอินเดีย หลังการเลือกตั้งท้องถิ่น พรรครัฐบาลของนายโมดิ ชนะสดใส ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของการเมืองในอินเดีย มากขึ้น โดยกองทุนหุ้นไทย UTSME กดดันพอร์ต โดยหุ้นไทยขนาดกลางและเล็ก ปรับฐาน นำโดย GL สวนทางดัชนี SET Index ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง จึงเกิดปรากฎการณ์โมเดลที่เสี่ยงสูง ได้ผลตอบแทนน้อยกว่าโมเดลเสี่ยงปานกลาง ในขณะที่หุ้นโลก ยังอยู่ระหว่างรอทิศทางที่ชัดเจนจากทรัมป์

ทิศทางการลงทุนตลาดโลกเป็นไปตามคาด หุ้นไทย หุ้นอินเดีย หุ้น Healthcare ฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี (YTD) ของ GAR ขึ้นมาถึง 5.2% เทียบเท่า MSCI World

ในขณะที่ GIF ยังทำผลงานได้ตามเป้า แม้กองทุนหุ้นไทย จะแพ้ตลาด อยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม

CEO corner

สารจาก CEO FINNOMENA

ในไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมา ทางทีมงานของเราก็ยังเฝ้าพัฒนา Application และนวัตกรรมด้านการลงทุนอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเราได้เปิดตัว Mobile Application ใน Beta Version บน Smartphone ทั้งระบบ IOS และ Android ไปเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมาโดยผ่านมาหนึ่งเดือน มียอด Download การใช้งานมากกว่า 5 พันคน โดย Application นี้ จะเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนที่ลงทุนผ่านคำปรึกษาของ FINNOMENA สามารถติดตามข้อมูลและตรวจสอบการเคลื่อนไหวของพอร์ตการลงทุนของท่านได้แค่ปลายนิ้ว และยังด้รับการอัพเดท และแจ้งเตือนในกรณีที่มีการปรับพอร์ตในอนาคตด้วย ดังนั้น เราขอแนะนำนะครับ ไม่ว่า คุณจะลงทุนกับเราแล้วหรือยังไม่ได้เริ่มต้นลงทุน เราเชื่อว่า FINNOMENA Mobile Application จะมีประโยชน์กับคุณในการลงทุนในอนาคตอย่างแน่นอน

สำหรับในไตรมาส 2/60 นี้ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการวิชาการลงทุนแบบเข้มข้น ได้ประโยชน์ และปลดล็อคศักยภาพของตัวคุณได้ เตรียมพบกับงานสัมมนาแห่งปี UNLOCK DAY by FINNOMENA II ในวันที่ 28 พ.ค. 2017 รายละเอียดของงาน สามารถดูได้ที่หน้าเว็ปไซส์ของเรา พร้อมโปรโมชั่นโค๊ดส่วนลดสำหรับสมาชิกทุกคนที่องเข้ามาก่อนนะครับ

TSF2024