กองทุน B-CHINE-EQ เป็นกองทุนหุ้นจีนที่ลงทุนอยู่ในหลายตลาด เช่น จีน ฮ่องกง สหรัฐฯ ทำให้มีความยืดหยุ่น และป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองภายในประเทศเฉพาะตัวได้ โดยทาง BBLAM มองว่า ในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวจากการล็อคดาวน์ และมีการเปิดเมืองอย่างเต็มรูปแบบ หุ้นจีนจะเป็นกลุ่มที่สร้างผลตอบแทนได้ดี และกองทุน B-CHINE-EQ จะเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นจีนที่ไม่เจาะจงตลาดใดตลาดหนึ่ง หรืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
ข้อได้เปรียบเทียบกองทุน B-CHINE-EQ เมื่อเทียบกับกองทุนอื่น
สามารถลงทุนได้ทุกตลาด โดยเน้นไปที่การลงทุนในกองทุน master fund ที่ลงทุนในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ และตลาดฮ่องกง ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุน B-CHINE-EQ (BBLAM) จะเลือกลงทุนในหุ้นบางส่วนด้วยตัวเอง เพื่อสร้างผลตอบแทนในหุ้นที่เห็นว่าสร้างผลตอบแทนได้ดี ที่ master fund ไม่ได้ลงทุนด้วย เช่น การเพิ่มน้ำหนักในหุ้น Alibaba, JD.com, Meituan (ที่ควบคุมต้นทุนได้ค่อนข้างดี และรองรับการเติบโตของ e-commerce) และ Anta sports (เพื่อรองรับการเปิดเมือง)
รายละเอียดการลงทุนของกองทุน
กองทุน B-CHINE-EQ เน้นไปที่การลงทุน ในบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ความมั่นคงทางอาหาร และพลังงาน นอกจากนั้น ยังเน้นไปที่บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทดแทน พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม เพื่อเน้นการปรับเปลี่ยนเข้าสู่อุตสาหกรรมแบบยั่งยืน (ESG) ตลอดจนบริษัทที่เกี่ยวกับการบริโภคของคนชั้นกลาง และเทรนด์การบริโภคที่เน้นเรื่องการรักษาสุขภาพ โดยตัวอย่างหุ้นที่ B-CHINE-EQ ถือเช่น
มุมมองของผู้จัดการกองทุนต่อเศรษฐกิจจีน
ค่อนข้างเป็นบวก โดยนโยบาย Zero COVID อยู่ระหว่างการพิจารณาผ่อนคลายบางส่วน เพื่อให้สอดคล้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และธนาคารกลางจีน โดยจีนได้ออกแนวปฏิบัติ 20 ข้อ เพื่อทยอยผ่อนคลายนโยบาย Zero COVID ซึ่งนโยบาย Zero COVID ที่มีอยู่แต่เดิมทำให้บรรยากาศด้านเศรษฐกิจและสภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างเป็นลบ อาทิ คนจีนไม่จับจ่ายใช้สอย และสิ้นหวังด้านเศรษฐกิจ
ภาคอสังหาริมทรัพย์น่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัวเช่นเดียวกัน โดยเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นทั้งหมด 16 มาตรการ เช่น การส่งเสริมการออกหุ้นกู้สำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ การส่งเสริมการปล่อยกู้ให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างและส่งมอบให้ลูกค้าได้ตามเป้าหมาย การสนับสนุนการควบรวมระหว่างบริษัทอสังหาริมทรัพย์ การส่งเสริมการเจรจาหากมีการผิดนัดชำระหนี้ การผ่อนคลายหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และการช่วยเหลือทางการเงินของบริษัทปล่อยอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ซึ่งการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทที่มีคุณภาพนี้ (ซึ่งมีความสำคัญกว่า 30% ของ GDP) น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนสามารถฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินจีนอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งทาง BBLAM มองว่าธนาคารกลางจีนยังมีอีกหลายเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้สามารถยังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อได้อีก
ความเสี่ยงของหุ้น ADR (หุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ)
ก่อนหน้านี้ มีความเสี่ยงว่าหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะถูก delist (ถอดถอนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ) อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงนี้ดูเหมือนจะลดลงไป เนื่องจากได้มีความร่วมมือในการเข้าตรวจสอบบริษัทเหล่านี้จากผู้กำกับดูแลสหรัฐฯ ซึ่งได้แล้วเสร็จก่อนกำหนด ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าน่าจะหมายถึงมีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ และลดความเสี่ยงด้านการถูกถอดถอนได้ โดยความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงในด้านการกำกับดูแลลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา
มุมมองของการลงทุนในหุ้นจีน
ทาง BBLAM เชื่อว่าราคาของหุ้นจีนอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับสถิติราคาย้อนหลังที่ผ่านมา โดยมีเพียงในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง (1997) และช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (2008) เท่านั้น ที่ดัชนีหุ้นจีนปรับตัวลงมากกว่านี้ โดยจากสถิติที่ผ่านมา เมื่อดัชนีปรับตัวลงต่ำสุดแล้ว จะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายใน 6 เดือนหลังจากนั้น
ทั้งนี้ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว ภายหลังการปรับตัวลงในช่วงการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ หุ้นจีนน่าจะปรับตัวขึ้นได้ดี และทำกำไรได้ดีเช่นกัน เมื่อจีนเปิดประเทศมากขึ้น (อัตราการกำไรต่อหุ้นน่าจะเติบโตที่อัตรา 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หากเปิดประเทศภายในต้นปี 2023) อย่างไรก็ดี จะมีความเสี่ยงทางลบ หากการเปิดเมืองล่าช้าไปจนถึงปี 2024
การจัดพอร์ตการลงทุนในหุ้นจีน
ทาง BBLAM แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีน และสามารถทยอยเข้าลงทุนได้ โดยทาง BBLAM มองว่ามีความเสี่ยงขาลงน้อยกว่าในช่วงที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ และน่าสนใจเมื่อเทียบกับผลตอบแทนในอนาคต เนื่องจากมีมูลค่าน่าสนใจ มีอัตราส่วน P/E ต่ำกว่าในอดีต และจีนมีการปรับเปลี่ยนนโยบายเรื่อง Zero COVID ไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเริ่มลดจำนวนวันในการกักตัว มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการผลิตยา และวัคซีน และปรับเปลี่ยนเป็น Dynamic Zero COVID มากขึ้น
นอกจากนี้ ความเสี่ยงเกี่ยวกับการกำกับดูแลยังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ กอปรกับรัฐบาลจีนยังมีความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก ทำให้ทาง BBLAM เชื่อว่าหุ้นจีนน่าจะปรับตัวขึ้นได้ ทั้งนี้ ทาง BBLAM ขอให้นักลงทุนจับตามองความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยทาง BBLAM มองว่าความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ เกี่ยวกับไต้หวันยังไม่น่าเป็นที่กังวลมากนัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศน่าจะไม่เอื้อต่อการทำสงครามขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดี ทาง BBLAM มองว่าการกีดกันทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ต่อบริษัทในจีน จะเป็นการกระตุ้นให้รัฐบาล และบริษัทในจีนลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีด้วยตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีในระยะยาว
ความเสี่ยงของกองทุน
สูง (ระดับความเสี่ยง 6 )
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00 – 17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโดยตรงกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บัวหลวง จำกัด ติดต่อบริการบัวหลวงโฟน โทร. 1333 หรือ 02 645 5555 E-mail: info@bangkokbank.com
คำเตือน
- การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น)
- ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงาน ก่อนตัดสินใจลงทุน
- กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้