จังหวะการลงทุนช่วงครึ่งหลังของเดือนเมษายนเริ่มมีความร้อนแรง หลายๆ บลจ. ทำการเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ที่จะเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนมากยิ่งขึ้น ทำให้ตลาดทวีความคึกคัก ทางอเบอร์ดีนได้คัดสรรกองทุนที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนใน Private Markets ได้ จะมีความน่าสนใจอย่างไร ติดตามได้ในบทความนี้
เข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี บรรยากาศการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของเดือนเมษายนมีความร้อนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดเริ่มคึกคัก ทางอเบอร์ดีนเองก็ได้มีการคัดสรรกองทุนใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้กับนักลงทุนรายย่อย ผ่านกองทุนที่ชื่อว่า ABPCAP: abrdn Listed Private Capital fund หรือกองทุนเปิด อเบอร์ดีน ลิสเต็ด ไพรเวท แคปปิตอล ฟันด์ ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนแรกในไทย ที่ปลดล็อคข้อจำกัดในการเข้าถึงตลาด Private Markets เสนอขายแก่ผู้ลงทุนรายย่อย ด้วยกลยุทธ์ของกองทุนหลัก ที่มุ่งเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มี exposure ใน Private Equity, Private Debt, Infrastructure รวมถึง REITs เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความครบครันมากยิ่งขึ้น
Private Markets อีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุน
Private Markets คือการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียนและไม่ได้มีการซื้อขายกันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น จึงมีกลุ่มผู้ลงทุนเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่มีโอกาสเข้าถึง Private Markets ได้ การลงทุนในตลาด Private Markets มีข้อจำกัดในเรื่องของ Login Period หรือการกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขาย ทำให้ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ นอกจากนี้ การลงทุนใน Private Markets มักใช้เงินลงทุนในปริมาณสูง และการเสนอขายจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน หรือกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ (Ultra-High Net Worth)
โอกาสในการเติบโตของตลาด Private Markets
- Private Markets มีโอกาสที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
- การลงทุนใน Private Markets ทำให้มีโอกาสลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ โครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ และทรัพยากรธรรมชาติ ที่ไม่ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
- เมื่อสินทรัพย์มีความหลากหลาย จึงมีความยืดหยุ่นในการลงทุน หากตลาดอยู่ในภาวะการณ์เงินเฟ้อ และมีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ผู้จัดการกองทุนอาจมี exposure ไปลงทุนที่ Private Debt ซึ่งมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากอัตราส่วนต่างของดอกเบี้ย หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ (Real estate) และ โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ก็เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่สามารถสร้างโอกาสรับรายได้อย่างสม่ำเสมอในยุคที่เงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้น
จุดเด่นของ Private Markets
Private Markets ทำให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงโอกาสการเติบโตในช่วงเริ่มแรกของ Life Cycle ซึ่งในหลาย ๆ ธุรกิจให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงแรกเริ่มของการทำธุรกิจ และเติบโตอย่างมั่นคงในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Google, Facebook และ Spotify โดยบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ล้วนเคยเป็น Private Company มาแล้วทั้งสิ้น เราเริ่มเห็นแนวโน้มที่บริษัทต่าง ๆ จะยังคงความเป็น Private กินระยะเวลานานมากขึ้น และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
จุดเด่นของกองทุน อเบอร์ดีน ลิสเต็ด ไพรเวท แคปปิตอล ฟันด์
- เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงหลักทรัพย์ที่มี Exposure ใน Private Capital Markets ทั่วโลกโดยผ่านกองทุนหลัก (Aberdeen Standard SICAV I Listed Private Capital Fund)
- ไม่จำกัดในเรื่องของสภาพคล่อง สามารถซื้อขายได้ในทุกวันทำการ
- กองทุนหลักมุ่งเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีธุรกิจหลักในการลงทุนหรือบริหารจัดการการลงทุนใน Private Capital Markets
มุมมองในการคัดเลือกกองทุนและกระบวนการในการเลือกลงทุน
- Asset Allocation อเบอร์ดีนเป็น บลจ. ที่เน้นการลงทุนในระยะยาว มีสไตล์การลงทุนเชิงรุก มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลสินทรัพย์แต่ละประเภทโดยเฉพาะ และให้ความสำคัญกับการทำ Asset Allocation โดยมีการจัดสรรพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์แต่ละประเภทอย่างครอบคลุมและสมดุลตามสถานการณ์ของตลาด ทั้ง Private Equity, Private Debt, Infrastructure REITs และ โลหะมีค่า (Precious Metals) เพราะฉะนั้น จึงลดความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนแบบกระจุกตัวไปด้วย
นอกจากนี้ ทางอเบอร์ดีนเองมีทีมที่ชื่อว่า Multi Asset ที่จะช่วยวิเคราะห์ในการจัด Asset Allocation และจัดเพิ่ม ลด exposure ในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในขณะนั้น โดยทำงานร่วมกับทีมผู้จัดการกองทุน
- Manager Selection มีการจัดประชุมมากกว่า 300 ครั้งต่อปี ทำการศึกษาหาข้อมูลเชิงลึกของบริษัทต่าง ๆ เพื่อที่จะได้สินทรัพย์ที่มีคุณภาพ โดยยึดหลัก 5P คือ People (บุคลากรมีความเชี่ยวชาญ), Philosophy (มีปรัชญาการลงทุนที่ดี), Process (มีกระบวนการการลงทุนที่ดี), Portfolio (มีพอร์ตการลงทุนที่มีคุณภาพ) และ Performance (มีผลงานที่โดดเด่น)
- Discount Opportunities ให้ความสำคัญกับ Valuation โดยการเฟ้นหาสินทรัพย์ที่มีราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เพื่อหาโอกาสทำกำไรที่ดีในอนาคต
การบูรณาการ ESG ในกองทุน ABPCAP
ที่มา: abrdn ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2022
อาจกล่าวได้ว่า ESG เป็นหนึ่งในปรัชญาการลงทุนของอเบอร์ดีน โดยผู้จัดการกองทุนหลักได้มองหาบริษัทที่มีหลักธรรมาภิบาล (G) การยอมรับความหลากหลายในองค์กร การให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อผู้ลงทุนรายย่อย ความโปร่งใสของแหล่งที่มาเงินทุน เป็นต้น อีกทั้งยังคำนึงในเรื่องของสังคม (S) สิ่งแวดล้อม (E) นอกจากนี้ ยังวิเคราะห์ถึงทีมผู้บริหารในบริษัทนั้น ๆ ว่า ได้มีการนำเอาหลัก ESG มาใช้ในการจัดการบริหารพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ซึ่งทางอเบอร์ดีนมีการนำเอาหลัก ESG มาเป็นหนึ่งในเครื่องมือพิจารณาคัดเลือกสินทรัพย์ทั้งในแง่ของการดำเนินงานและการบริหารการลงทุนด้วยเช่นกัน
สัดส่วนของประเภทสินทรัพย์ที่กองทุนหลักลงทุน
กองทุนหลักของ ABPCAP เป็นกองทุนที่มี Exposure ครอบคลุมทั้งในแง่ของประเภทสินทรัพย์และภูมิภาคในการลงทุน แบ่งเป็นสัดส่วนได้ดังนี้ (ข้อมูล ณ 31 มีนาคม 2022)
- Geographic: ลงทุนในอเมริกาเหนือ 51% ยุโรป (ไม่รวมสหราชอาณาจักร) 27% สหราชอาณาจักร 12% เอเชีย 4 % และอื่นๆ 5%
- Asset Class Exposure: บริษัทบริหารจัดการลงทุน 34% ตราสารทุน 33 % ตราสารหนี้ 12% อสังหาริมทรัพย์ 8% โลหะมีค่า 6% โครงสร้างพื้นฐาน 4% และเงินสด 3%
ตัวอย่างหุ้นที่โดดเด่นในกองทุน ABPCAP (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2021)
ที่มา: abrdn ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2021
- 3i Group ผู้นำด้าน Investment Company ที่เน้นการลงทุนใน Private Equity ขนาดกลางในยุโรป ซึ่งลงทุนครอบคลุมทั้ง Infrastructure, consumer, Industrial, business and technology service และ healthcare โดย 3i Group มีหุ้นหลักในพอร์ตคือ ACTION บริษัทค้าปลีกสินค้าราคาถูกที่เติบโตอย่างโดดเด่นและมีแหล่งรายได้กระจายอยู่ทั่วทวีปยุโรป
- Oakley Capital หลักทรัพย์ประเภท Investment Company จดทะเบียนอยู่ที่กรุงลอนดอน ภายใต้การจัดการของ Oakley Capital Group ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเป็นที่ปรึกษาบริหารจัดการสินทรัพย์ใน Private Markets และมีแผนเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทขนาดกลางทั่วทั้งยุโรปตะวันตก เน้นในภาคส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริโภค การศึกษา เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม
- FS KKR Capital (FSK) บริษัทพัฒนาธุรกิจที่จดทะเบียนอยู่ในสหรัฐอเมริกา มุ่งเน้นการจัดหา Solution ด้านสินเชื่อให้กับบริษัทขนาดกลางที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยบริษัทมี Market Cap อยู่ที่ 6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ และมีความโดดเด่นในเรื่องของ Discount Opportunities ซึ่งจะสามารถทำกำไรได้ในอนาคต
- Intermediate Capital (ICP) สินทรัพย์ประเภท Investment manager ที่เน้นลงทุนใน Private Debt และมี AUM ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นกลุ่มบริษัทบริหารจัดการกองทุนให้กับ Third party ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และจะเป็นหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพในอนาคต แม้แต่ช่วงการระบาดของ COVID -19 พอร์ตการลงทุนของ ICP ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทเกือบทั้งหมดเป็นตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว จึงมีโอกาสได้รับเงินปันผลที่ดีอย่างต่อเนื่องในอนาคต
บทสรุป กองทุน ABPCAP กองทุนที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรายย่อยได้ลงทุนใน Private Markets
- กองทุนหลักของกองทุน ABPCAP ไม่ได้ทำการลงทุนโดยตรงใน Private Markets แต่เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มี Exposure ใน Private Markets
- อเบอร์ดีนถือเป็น บลจ. รายแรกที่เปิดโอกาสให้กับผู้ลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ Private Markets ด้วยกองทุนหลักมุ่งเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มี exposure ใน Private Equity Private Debt โครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure และ REITs โดยกองทุน ABPCAP เหมาะสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยที่อยากจะสัมผัสประสบการณ์ลงทุนใน Private Markets
- ABPCAP มีสภาพคล่องสูงกว่าการลงทุนโดยตรงใน Private Markets สามารถซื้อขายได้ในทุกวัน
ทำการ และเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป - พิเศษเฉพาะช่วง IPO เมื่อลงทุน ABPCAP-A หรือ ABPCAP-SSF ทุก 50,000 บาท รับหน่วยลงทุน ABPCAP-A มูลค่า 100 บาท เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
- ความเสี่ยงของกองทุน สูง (ระดับความเสี่ยง 6 )
กองทุน ABPCAP จะทำการ IPO วันนี้ถึง 29 เมษายน 2565 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่น หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาทำการตั้งแต่ 09:00 – 17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโดยตรงกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ https://bit.ly/ABPCAP-MarketTalk หรือติดต่อ แผนกลูกค้าสัมพันธ์ : 02-352-3388 และช่องทางอื่นๆ ต่อไปนี้
website : https://www.abrdn.com/Thailand
E- Mail : client.services.th@abrdn.com
LINE Official : @abrdn_th
คำเตือน
- ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก
- กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน
- ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม