เปิดปีมาแบบนี้มาส่องกันดีกว่าว่าลงทุนธีมไหนจะฮอตไฟลุกน่าประทับใจในปี 2022!
หุ้นเวียดนาม
ทำไมหุ้นเวียดนามถึงน่าลงทุนในปีนี้?
- เวียดนามถือได้ว่าเป็นประเทศตลาด Frontier ที่น่าสนใจมากที่สุด
- มีปัจจัยสนับสนุนมากมาย เช่น ลักษณะประชากร, การเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตที่สำคัญ และ มีการลงทุนจำนวนมากที่กำลังจะเกิดขึ้น
- มีมูลค่าถูกเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ด้วยระดับ P/E ที่ประมาณ 13 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อบ้านใกล้เคียงอย่างไทยที่มีค่า P/E อยู่ที่ประมาณ 18 เท่าด้วยกัน
- มีลักษณะเฉพาะของตลาดที่ปรับตัวคล้ายกันกับตลาดหุ้นทั่วโลกและได้รับผลกระทบจากปัจจัยมหภาคน้อย ทำให้เวียดนามเหมาะกับการลงทุนทั้งในแง่ของการคาดหวังการเติบโต และกระจายพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง
ที่มามุมมองการลงทุน: FINNOMENA Investment Team
PRINCIPAL VNEQ-A (+51.81%)
นโยบายกองทุน: กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่ดําเนินธุรกิจเกี่ยวข้องหรือได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามรวมไปถึงหุ้นเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอื่น กองทุนรวมและ ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นเวียดนาม
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัวในประเทศเวียดนาม, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจ)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ :
ค่าธรรมเนียมซื้อ 1.50%
ค่าธรรมเนียมขาย ยกเว้น
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 2.3296%
คลิก ที่นี่ เพื่อลงทุนใน PRINCIPAL VNEQ-A ได้เลยทันที!
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่
*ข้อมูลผลตอบแทนจาก FINNOMENA Fund ณ วันที่ 5 มกราคม 2022
**ข้อมูลผลตอบแทนใช้ช่วง 1 ปีย้อนหลัง
หุ้นเฮลธ์แคร์
ทำไมหุ้นเฮลธ์แคร์ถึงน่าลงทุนในปีนี้?
- หุ้นเฮลธ์แคร์เป็นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
- มีปัจจัยสนับสนุนอื่น ๆ เช่น กระแสสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในะระยะยาว ส่งผลให้เทคโนโลยีด้านการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Pharmaceuticals, Healthcare Equipment, Biotechnology หรือแม้กระทั่ง Telemedicine มีพัฒนาการที่รวดเร็วจนเกิดเป็น New S-curve (การเติบโตในระดับสูง) ที่น่าสนใจในระยะยาวเนื่องจากคนหันมาใส่ใจด้านสุขภาพมากขึ้น
- มีประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) โดดเด่นในระยะยาวเมื่อเทียบกับ MSCI World
- มีความสัมพันธ์เทียบกับ S&P 500 ที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น จึงช่วยในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวม
ที่มามุมมองการลงทุน: FINNOMENA Investment Team
KFHHCARE-A (+10.65%)
นโยบายกองทุน: กองทุนมีนโยบายลงทุนในกองทุน JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class C (acc) – USD โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KFHHCARE-A เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทในหมวดอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: กองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมสุขภาพ, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมด/เกือบทั้งหมด)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 500 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 500 บาท
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ :
ค่าธรรมเนียมซื้อ 1.50%
ค่าธรรมเนียมขาย ยกเว้น
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 1.0349%
คลิก ที่นี่ เพื่อลงทุนใน KFFHCARE-A ได้เลยทันที!
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่
https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KFHHCARE-A_TH.pdf?rnd=20220105032609
*ข้อมูลผลตอบแทนจาก FINNOMENA Fund ณ วันที่ 5 มกราคม 2022
**ข้อมูลผลตอบแทนใช้ช่วง 1 ปีย้อนหลัง
BCARE (+7.64%)
นโยบายกองทุน: กองทุนมีนโยบายลงทุนในกองทุน Wellington Global Health Care Equity Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน BCARE เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทในหมวดอุตสาหกรรมด้านสุขภาพทั่วโลก
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: กองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมสุขภาพ, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกตามดุลยพินิจ)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 500 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 500 บาท
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ :
ค่าธรรมเนียมซื้อ ไม่เรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมขาย ไม่เกิน 1.00% (ขั้นต่ำ 50 บาท)
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 1.2511%
คลิก ที่นี่ เพื่อลงทุนใน BCARE ได้เลยทันที!
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่
*ข้อมูลผลตอบแทนจาก FINNOMENA Fund ณ วันที่ 5 มกราคม 2022
**ข้อมูลผลตอบแทนใช้ช่วง 1 ปีย้อนหลัง
หุ้นพลังงานสะอาด
ทำไมหุ้นพลังงานสะอาดถึงน่าลงทุนในปีนี้?
- หุ้นหลังงานสะอาดมีจุดเปลี่ยนเริ่มขึ้นเมื่อปี 2020 ที่ทั่วโลกหันมาสนใจกับความยั่งยืนโดยกลุ่มพลังงานสะอาดถือได้ว่าเป็นผู้นำ
- มีนโยบายสนับสนุนต่างๆ จากรัฐบาลทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และจีน ตามมาด้วยการประชุมข้อตกลง COP26 ซึ่งเน้น zero carbon emission
- สิ่งต่าง ๆ สะท้อนภาพอันชัดเจนของพลังงานสะอาดในฐานะ megatrend แห่งทศวรรษ
ที่มามุมมองการลงทุน: FINNOMENA Investment Team
MRENEW-A (+7.53%)
นโยบายกองทุน: กองทุนมีนโยบายลงทุนในกองทุน BGF Sustainable Energy Fund (กองทุนหลัก) ในชนิดหน่วยลงทุน (share class) “I2 USD” ในสกุลเงินเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน BCARE เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีการพัฒนาพลังงานยั่งยืนทั่วโลก เช่น บริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก เทคโนโลยีพลังงาน และอื่น ๆ
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: กองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมพลังงาน, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกตามดุลยพินิจ)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อแต่ละครั้ง: 1,000 บาท
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ :
ค่าธรรมเนียมซื้อ 1.50%
ค่าธรรมเนียมขาย ไม่มี
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 2.0611%
คลิก ที่นี่ เพื่อลงทุนใน MRENEW-A ได้เลยทันที!
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่
https://www.mfcfund.com/Web/FundFiles/FundFactSheetPDFs/ffs/th/MRNA.pdf
*ข้อมูลผลตอบแทนจาก FINNOMENA Fund ณ วันที่ 5 มกราคม 2022
**ข้อมูลผลตอบแทนใช้ช่วง 1 ปีย้อนหลัง
P-CGREEN (+17.00%)
นโยบายกองทุน: กองทุนมีนโยบายลงทุนในกองทุน KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF (กองทุนปลายทาง) ในสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐเพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน BCARE เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทในประเทศจีนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาด 5 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มพลังงานทางเลือก (Alternative Energy), การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรนำ้อย่างยั่งยืน (Sustainable Water), การออกแบบอาคารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Green Building), การป้องกัน มลพิษ (Pollution Prevention) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency)
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: กองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัวในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยีสารสนเทศ และ อุตสาหกรรม, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกตามดุลยพินิจ)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ :
ค่าธรรมเนียมซื้อ 1.50%
ค่าธรรมเนียมขาย ไม่เรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 1.6993%
คลิก ที่นี่ เพื่อลงทุนใน P-CGREEN ได้เลยทันที!
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่
*ข้อมูลผลตอบแทนจาก FINNOMENA Fund ณ วันที่ 5 มกราคม 2022
**ข้อมูลผลตอบแทนใช้ช่วงสูงสุด (Max) ย้อนหลัง
หุ้นจีน
ทำไมหุ้นจีนถึงน่าลงทุนในปีนี้?
- ปี 2022 ธนาคารกลางจีนอาจกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายสนับสนุนอีกครั้งทั้งการลดดอกเบี้ยและเพิ่มสภาพคล่องเข้าระบบ
- มาตรการควบคุมเข้มงวดอาจมีต่อไปแต่ลดความสำคัญลงไป เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจจะเป็นประเด็นที่สำคัญกว่าในปี 2022
- ด้วยสาเหตุต่าง ๆ ก่อนหน้าอาจทำให้การผ่อนคลายการควบคุมและนโยบายการคลังมีโอกาสที่จะเป็นอีกเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน
ที่มามุมมองการลงทุน: FINNOMENA Investment Team
KT-ASHARES-A (+1.90%)
นโยบายกองทุน: กองทุนมีนโยบายลงทุนในกองทุน Allianz Global Investors Fund – Allianz China A-Shares (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว ในชนิดหน่วยลงทุน (share class) “PT” ในสกุลเงินเหรียญดอลลารสหรัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน BCARE เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้น A-Shares ของจีน
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: กองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัวในจีน, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกตามดุลยพินิจ)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ :
ค่าธรรมเนียมซื้อ 1.50%
ค่าธรรมเนียมขาย ยังไม่เรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 1.2800%
คลิก ที่นี่ เพื่อลงทุนใน KT-Ashares-A ได้เลยทันที!
ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่
https://www.ktam.co.th/document_fund/fundfactsheet/Factsheet_th_KT-Ashares-A.pdf
*ข้อมูลผลตอบแทนจาก FINNOMENA Fund ณ วันที่ 5 มกราคม 2022
**ข้อมูลผลตอบแทนใช้ช่วง 1 ปีย้อนหลัง
กองทุนในดวงใจยังไม่อยู่ด้านบน? รับบริการที่ปรึกษาการลงทุนส่วนตัวจาก FINNOMENA ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500,000 บาทเท่านั้น
👉 ลงทะเบียน คลิก >>> https://finno.me/finnomena-x-service
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาตลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”