“หุ้นกู้” เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอและช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุน แต่ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นกู้ เคยสงสัยกันไหมว่า “ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคืออะไร?”
บทความนี้ Finnomena จะพาคุณไปรู้จักกับ “Credit Rating” ว่ามันคืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับการลงทุนหุ้นกู้ เพื่อให้คุณสามารถเลือกลงทุนหุ้นกู้ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงได้ มารู้จัก Credit Rating ไปพร้อมกันในบทความนี้!
อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) คืออะไร?
อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) คือการประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agencies) ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในประเทศไทย สถาบันจัดอันดับเครดิตมี 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) บอกอะไร?
อันดับความน่าเชื่อถือบ่งบอกได้ว่าผู้ออกหุ้นกู้มีความสามารถในการชำระหนี้มากน้อยเพียงใด ยิ่งหุ้นกู้มีอันดับเครดิตสูง ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ก็ยิ่งต่ำ ทั้งนี้เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นกู้นั้น ๆ
เกณฑ์การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating)
- ลักษณะของบริษัทที่ออกหุ้น
- ผลประกอบการของบริษัทที่ออกหุ้นกู้
- การมีหลักทรัพย์ค้ำประกันของบริษัทที่ออกหุ้นกู้
- ข้อตกลงและสัญญาที่ต้องปฏิบัติตาม
- ปัจจัยภายนอก เช่น สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของตราสารหนี้
1. Investment Grade
เป็นหุ้นกู้กลุ่มที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับน่าลงทุน โดยมีอันดับเครดิตตั้งแต่ AAA คืออันดับความน่าเชื่อถือสูงสุด AA+ AA AA- A+ A A- BBB+ BBB ไปจนถึง BBB- เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำถึงปานกลาง
2. Non-Investment Grade หรือ Speculative Grade
เป็นหุ้นกู้กลุ่มที่ลงทุนเพื่อเก็งกำไร มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่ากลุ่ม Investment Grade แต่ก็จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าเช่นกัน โดยมีอันดับเครดิตตั้งแต่ BB+ ลงมา เรียงจาก BB+ BB BB- B+ B B- CCC+ CCC CC C โดย C มีความเสี่ยงที่สูงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข และต่ำสุดคือ D เป็นหุ้นกู้ที่อยู่ในสถานะผิดนัดชำระหนี้ ไม่สามารถจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามเงื่อนไข
3. Unrated Bond
เป็นหุ้นกู้กลุ่มที่ไม่มีการจัดอันดับเครดิต เนื่องจากเป็นหุ้นกู้ที่ไม่ได้ส่งไปจัดอันดับ หรือเป็นหุ้นกู้ที่ขอให้จัดอันดับแล้วแต่ไม่ได้รับการพิจารณา หุ้นกู้กลุ่มนี้มักจ่ายดอกเบี้ยให้สูงกว่ากลุ่มอื่น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน
แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating Outlook) คืออะไร?
แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือช่วยบอกได้ว่าอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้นมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ โดยวิเคราะห์จากบริษัทที่ออกหุ้นกู้นั้น ๆ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโดยรวม แบ่งได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
- Positive = มุมมองเป็นบวก = Credit Rating อาจปรับขึ้นได้
- Stable = มุมมองคงที่ = Credit Rating อาจไม่เปลี่ยนแปลง
- Negative = มุมมองเป็นลบ = Credit Rating อาจปรับลงได้
- Developing = มุมมองไม่แน่นอน = Credit Rating อาจปรับในทิศทางใดก็ได้
กล่าวโดยสรุป อันดับความน่าเชื่อถือ หรือ Credit Rating เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการวิเคราะห์บริษัทที่ออกหุ้นกู้ว่ามีโอกาสหรือความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้มากน้อยเพียงใด เพื่อใช้ในประกอบการตัดสินใจก่อนลงทุนหุ้นกู้ ทั้งนี้อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจและพื้นฐานของบริษัทนั้น ๆ ดังนั้นนักลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสารเสมอ และเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
อ่านบทความเกี่ยวกับหุ้นกู้เพิ่มเติม
- หุ้นกู้ คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนลงทุนหุ้นกู้ ครบในที่เดียว!
- How to คัดหุ้นกู้คุณภาพดี ด้วย 5 อัตราส่วนทางการเงิน
- 3 ข้อควรรู้ ก่อนลงทุนในหุ้นกู้ I POCKET MONEY EP46
อ้างอิง
- https://www.thaibma.or.th/EN/Investors/Individual/Blog/CreditRating.aspx
- https://www.sec.or.th/TH/Pages/Investors/education-debt-CR.aspx
- https://www.thaibma.or.th/EN/Investors/Individual/Blog/2023/190923.aspx
- https://www.setinvestnow.com/th/bond/how-to-pick-bond