
กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการขึ้นภาษีทันที หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าในระดับสูงสุดในรอบศตวรรษ พร้อมเตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของจีน
โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า สหรัฐฯ กำหนดภาษีตอบโต้เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งขัดต่อกฎการค้าระหว่างประเทศและสร้างความเสียหายต่อประเทศอื่น ๆ โดยจีนมองว่านี่เป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ พร้อมชี้ว่าหลายประเทศไม่พอใจกับเรื่องนี้
ทรัมป์ประกาศกำหนดภาษีนำเข้าใหม่ โดยเก็บภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับทุกประเทศ และเพิ่มอัตราที่สูงขึ้นสำหรับบางประเทศ รวมถึงจีน 34% สหภาพยุโรป 20% เวียดนาม 46% และไต้หวัน 32%
สำหรับจีน อัตราภาษีใหม่จะรวมกับภาษี 20% ที่มีอยู่เดิม ทำให้ยอดรวมภาษีสินค้านำเข้าจากจีนพุ่งสูงถึง 54% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 9 เมษายน ซึ่งใกล้เคียงกับนโยบายหาเสียงของทรัมป์ที่เคยสัญญาว่าจะขึ้นภาษีถึง 60%
ไท ฮุย นักวิเคราะห์ตลาดเอเชียแปซิฟิกจาก JP Morgan Asset Management กล่าวว่า หากสหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีเช่นนี้ อัตราภาษีเฉลี่ยของสหรัฐฯ จะพุ่งสูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 พร้อมเตือนว่ามาตรการนี้อาจกระทบเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าผลกระทบจากภาษีครั้งนี้จะรุนแรงกว่าช่วงสงครามการค้าระลอกแรก โดยอาจทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง 0.5-1% ของ GDP
แม้ว่าจีนอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบ แต่ก็อาจช่วยได้เพียงบางส่วน นักวิเคราะห์เชื่อว่าจีนอาจตอบโต้มากกว่าการขึ้นภาษี โดยอาจใช้มาตรการที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐฯ ที่ต้องพึ่งพาตลาดจีน
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าสหรัฐฯ และจีนจะต้องกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาในที่สุด แต่ก่อนถึงจุดนั้น ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจอาจเลวร้ายลงอีก
