เวลาที่เราดูนักกีฬาอาชีพเก่งๆดังๆระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น โรเจอร์ เฟเดอร์เรอ, ราฟาเอล นาดาล, ไทเกอร์ วูดส์, เดวิด เบ็คแฮม, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และนักกีฬาชื่อก้องโลกหลายๆคน เรามักจะสังเกตุว่า บุคคลเหล่านี้จะมีสิ่งพิเศษที่ทำให้เค้าโดดเด่นกว่านักกีฬาธรรมดาๆทั่วไป เป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนเส้นบางๆที่คั่นกลางระหว่างนักกีฬาธรรมดากับนักกีฬาระดับโลก เป็นสิ่งที่ยากแก่การอธิบายว่าเค้าเหล่านั้นมีมาเพราะพรสวรรค์หรือพรแสวงกันแน่
…สิ่งๆนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า… “สัญชาตญาณ”
ถูกต้องแล้วครับ เจ้าสัญชาตญาณนี่แหล่ะครับ คือสิ่งพิเศษที่แยกบุคคลธรรมดากับบุคคลพิเศษออกจากกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่กับนักกีฬาเท่านั้นน่ะครับที่ต้องอาศัยสัญชาตญาณในการแข่งขัน
“มนุษย์ทุกคนย่อมต้องอาศัยสัญชาตญาณ
เพื่อการแข่งขันและความอยู่รอดแทบทั้งสิ้น”
นักลงทุนในตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกันครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ที่นิยมชมชอบการเก็งกำไร (Speculator หรือ Day Trader) ที่อยากประสบความสำเร็จในสงครามการเก็งกำไรที่ไร้ความปราณี ไม่มีมิตรที่จริงแท้ และศัตรูที่ถาวร อย่าง “ตลาดหุ้น” นั้น ย่อมต้องมีเจ้า “สัญชาตญาณ” ติดตัวครับ เพราะการเก็งกำไรนั้น “ดวง” อย่างเดียวไม่พอหรอกครับ คุณต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่างที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ และเจ้า “สัญชาตญาณ” นี่แหล่ะครับ ที่เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญยิ่งในองค์ประกอบเหล่านั้น
บางคนอาจจะแย้งว่าเจ้า “สัญชาตญาณ” มันก็ไม่ต่างอะไรกับ “ความรู้สึก” ไม่ใช่หรืออย่างไร
ขอฟันธงกับคอนเฟิร์มครับว่า “ต่างกันมากมายมหาศาล” เลยครับ เพราะ “สัญชาตญาณ” คือภาวะการตัดสินใจโดยฉับพลันที่เกิดมาจากการสั่งสม “ประสบการณ์” ส่วน “ความรู้สึก” เป็นเพียงการตอบโต้แบบทันควันที่ต่อยอดออกมาจากเสี้ยวหนึ่งของอารมณ์อีกทีครับ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความรู้ไว้ว่า สัญชาตญาณ หมายถึง ความรู้ที่มีมาแต่กำเนิดของคนและสัตว์ ทำให้มีความรู้สึกและกระทำได้เองโดยไม่ต้องมีใครสั่งสอน นั่นหมายความว่า “สัญชาตญาณคือการตัดสินใจโดยมีเหตุผลรองรับ” ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ก็ได้แก่ประสบการณ์จำนวนนับไม่ถ้วนที่สะสมและทับถมกัน อยู่ในจิตวิญญาณและสายเลือด ซึ่งมนุษย์ได้ถ่ายทอดสู่กันผ่านทางพันธุกรรมมารุ่นแล้วรุ่นเล่า รวมเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดอย่างน้อยก็ห้าพันปี
นั่นเท่ากับว่า สัญชาตญาณได้อยู่เคียงข้างเรามาแล้วตั้งแต่ก่อนเราเกิด นับตั้งแต่นาทีแรกที่มนุษย์คนแรกตัดสินใจตั้งถิ่นฐานบริเวณแหล่งน้ำแห่งแรก จวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ถึงแม้สัญชาตญาณบางอย่างจะไม่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน และมนุษย์ก็ไม่ได้มีสัญชาตญาณตอบสนองต่อเรื่องเดียวกันในแบบเดียวกันทุกคน แต่อย่างน้อยที่สุด การที่มนุษย์ยอมรับการตัดสินใจโดยใช้สัญชาตญาณมากกว่าความรู้สึก ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเห็นชอบกับการใช้เหตุผล…มากกว่าการใช้ “อารมณ์” แต่การใช้เหตุผลอย่างเดียวอาจทำให้มนุษย์มีสภาพไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ หลายครั้งธรรมชาติจึงส่งอารมณ์และเหตุผลประดังเข้ามา ทำให้เราตัดสินใจอะไรได้ยากลำบากอยู่เสมอ
พอเห็นภาพคร่าวๆแล้วใช่มั๊ยครับ ว่า สัญชาตญาณที่ดีนั้นเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ที่เข้มขัน ไม่ว่าจะดีหรือร้าย มันก็คือสิ่งที่คุณได้จดจำบันทึกในสมองคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเทรดหุ้นก็เช่นเดียวกันครับ เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อคนเราเริ่มลงมือเทรดใหม่ๆ การตัดสินใจหลายๆอย่าง มักจะตั้งอยู่บน “ความรู้สึก” ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ลองดูน่ะครับ เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จที่ผมได้เคยอ่านประวัติและที่ผมรู้จักนั้น มักจะบอกสิ่งๆเดียวกันเลยครับว่า เมื่อถึงจุดๆนึงของการเทรด การตัดสินใจบางอย่างลงไป ก็อธิบายไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด จะเรียกว่าความรู้สึกก็ได้ แต่มันก็แตกต่างจากความรู้สึกสมัยที่เค้าเหล่านั้นเทรดกันใหม่ๆ นั่นแหล่ะครับคือ “สัญชาตญาณการเทรด” ที่แท้จริง
อันนี้ผมขอยืนยันครับว่ามันคือเรื่องจริง เพราะบางทีการที่คุณต้องตัดสินใจอะไรภายในกรอบระยะเวลาที่จำกัดมากๆ อาจจะเป็นนาทีหรือเป็นวินาทีเลยก็ได้นั้น ความรู้สึกหรืออารมณ์ชั่ววูบในการตัดสินใจ อาจจะทำให้คุณผิดพลาดและขาดทุนได้เลยครับ…เพราะคุณใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลนั่นเอง ในทางกลับกัน…เมื่ออยู่ในภาวะตลาดคับขันไม่ว่าจะขึ้นแรงมากๆ หรือลงแรงสุดๆ เทรดเดอร์และนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้น ย่อมจะรู้ว่า ควรจะขายที่จุดใดและควรซื้อคืนที่จุดไหนครับ โดยอาศัยสัญชาตญาณที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์มานั่นเอง
ยกตัวอย่างน่ะครับ…ในวันที่ตลาดหุ้นโดนถล่มขายหนักเนื่องจากข่าวลือเรื่องมาตรการควบคุมค่าเงินนั้น ถ้าหากคุณเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือเป็นคนที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการเทรด…แน่นอนได้เลยครับว่าคุณจะต้องตกใจ ตื่นตระหนก รีบขายหุ้นทิ้ง ตัดขาดทุน และไม่กล้าที่จะซื้อกลับคืน…สุดท้ายก็อย่างที่เห็นครับว่า คุณโดนเจ้ามือหลอก!! เพราะหุ้นก็ดีดกลับมาแรงกว่าเดิม แต่หากว่าคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ผ่านสังเวียนมาพอสมควร คุณย่อมอ่านเกมส์ออกว่ารีบขายทิ้งก่อน แล้วหาจังหวะซื้อคืนแล้วทำกำไรใหม่อีกรอบ แล้วคุณก็จะชนะตลาดนั่นเอง!!
จังหวะซื้อคืนนี่แหล่ะครับ ที่ต้องใช้ “สัญชาตญาณ” พอสมควรเลย
เรื่อง “สัญชาตญาณ” สำหรับผมแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่อธิบายยากที่สุด แต่อยากจะให้มิตรสหายทุกท่านได้ลองนึกดูว่า การตัดสินใจแต่ละครั้งทั้งในการลงทุนหรือการใช้ชีวิตประจำวันของคุณนั้น คุณใช้ “อารมณ์ชั่ววูบ” หรือ “สัญชาตญาณ” กันแน่ครับ
หากคุณใช้..อารมณ์ชั่ววูบ..คุณจะพบกับความผิดพลาดและหายนะอย่างแน่นอน แต่…หากคุณใช้สัญชาตญาณที่เกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างดีและมีเหตุผลแล้ว คุณแทบจะสะกดคำว่า “ผิดพลาด” ไม่เป็นอีกเลยในชีวิตของคุณ ถึงแม้จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการค้นหา “สัญชาตญาณ” ของตัวคุณ คุณก็ต้องอดทนเพื่อที่จะได้มันมา เพราะเมื่อคุณมี “สัญชาตญาณ” ติดตัวแล้ว…จาก “ผู้ถูกล่า” คุณก็ย่อมจะกลายเป็น “ผู้ไล่ล่า” ในบัดดลครับ..
ที่มาบทความ : http://wizard-kids2m.blogspot.com/2010/10/one-night-stand-discussion-30.html