…Mark Zuckerberg…
จากเด็กเนิร์ดที่คลั่งไคล้การเขียนโปรแกรมและมีความฝันที่เด็กในวัยเดียวกันคงไม่คิดกัน..
จากเด็กวัยรุ่นที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของใครตั้งแต่สมัยเรียน โดยเฉพาะสาวๆ…
สู่คนหนุ่มที่รวยที่สุดในโลกคนนึง…ด้วยสิ่งเล็กๆที่คนทั่วโลกเรียกมันว่า
…FACEBOOK…
ใครจะเชื่อว่าวันนึง Facebook จะได้เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ในวันที่ 18 พ.ค. 2555
ด้วยมูลค่าหุ้น IPO ที่มากที่สุดตัวนึงในประวัติศาสตร์หุ้นกลุ่มอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยี หุ้น Facebook
มีตัวย่อในการเทรดซื้อขายคือ FB โดยมีราคา IPO ที่ $38 ต่อหุ้น
มาดูกราฟราคาหุ้นระยะ week (1 แท่ง = 1 อาทิตย์) ของ Facebook กันก่อน จะได้เห็นว่า…พระเจ้ามาร์ค มันยอดมาก
(Last Updated: 28/01/2016)
ที่มา http://www.investing.com/equities/facebook-inc
ที่น่าทึ่งมากกว่าคือ ในวันเปิดทำการซื้อขายวันแรก หุ้น FB ได้ดีดขึ้นไปสูงสุดระหว่างวันที่ราวๆ $45 ต่อหุ้น แต่ตอนตลาดปิดราคาสุดท้ายกลับกลายเป็น $38.25 ต่อหุ้น เหนือกว่าราคาจองแค่ $0.25 เหรียญเท่านั้นเอง แล้วที่โหดร้ายกว่านั้นสำหรับผู้ถือหุ้นตัวนี้คือราคาหุ้นหลังจากนั้น มีแต่คำว่า สาละวันเตี้ยลงเรื่อยๆ จนมาทำจุดต่ำสุด ณ วันที่ 3 ก.ย. 2555 ที่ราคา $17.55 ต่อหุ้น!! เท่ากับว่าใครซื้อหุ้นวันแรกแล้วถือยาว…ขาดทุนไปแล้วเกิน 50%! โอ้ว พี่มาร์ค เอ๊ย…
หลังจากนั้นราคาหุ้นตัวนี้ก็สวิงในกรอบ $22 – $32 ต่อหุ้น อย่าราวๆ 1 ปีเต็มๆ (ผู้ถือหุ้นคงอึดอัดมากๆแน่ๆ) จนกระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญคือ วันที่ 25 ก.ค. 2556 ที่ราคาหุ้นได้ดีดวันเดียว 30% (บ้านเราก็คงซิลลิ่งไปแล้ว) จากการประกาศงบไตรมาสที่ออกมาโตมากที่สุด ในขณะนั้น…หลังจากนั้น เราก็ไม่ได้เห็นหุ้น facebook ตกมาที่ราคาแถว $35 ต่อหุ้นอีกเลย
จนกระทั่งผ่านมาเกือบ 3 ปี ณ วันนี้ ( 28 มกราคม 2559) ราคาหุ้นปัจจุบันของหุ้น Facebook อยู่ที่ราวๆ $107 ต่อหุ้น…
…โตมาแค่ราวๆ 300% เท่านั้นเอง…หร๋าาา
ยิ่งถ้าใครได้ซื้อแถวๆ $20 ต่อหุ้นแล้วถือมาจนถึงทุกวันนี้….กำไรแล้วเน้นๆ 500% ในราวๆ 3 ปี!!
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมากที่สุดตัวนึงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา..
ลองมาดูราคาเปรียบเทียบของ Facebook กับดัชนี S&P 500 กันดูครับ
จะเห็นได้ว่าครึ่งปีหลัง 2015 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้น S&P500 ให้ผลตอบแทนแพ้หุ้น Facebook พอสมควรเลย โดยปีที่แล้วทั้งปี หุ้น Facebook ให้ผลตอบแทน +26.1% น่ะครับ ไม่ธรรมดาจริงๆ
กลับมาดูต่อว่า…ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ผลประกอบการของหุ้นตัวนี้ดีต่อเนื่อง
1) มันสมองและความเชื่อมั่นในตัวพี่มาร์คและวิสัยทัศน์ของพี่เค้า
–> ผมว่าอันนี้คือสิ่งสำคัญเลย…ถ้า CEO เก่ง มีความคิดก้าวไกล บริษัทแทบจะร้อยทั้งร้อย จะโตได้ไกลด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะความพยายามที่ผมชื่นชมมากๆของพี่มาร์ค ก็คือการฝึกภาษาจีน ครับ ตอนนี้แกสามารถพูดภาษาจีนได้แล้ว เก่งพอควรเลย เหตุผลไม่มีอะไรมาก แกต้องการพา Facebook เข้าไปเจาะตลาดเมืองจีนให้ได้ ลองคิดภาพคนจีนพันล้านคนใช้ Facebook ซิครับ…เงินมหาศาลชัดๆ
2) รายได้จากการขายโฆษณาและ Pages ต่างๆ
–> ถ้ายังจำกันได้ ช่วงแรกที่มี facebook เราจะไม่เห็นโฆษณาต่างๆในหน้าจอเราเลย จนมาถึงปัจจุบัน รายได้มหาศาลของ Facebook มาจากโฆษณา หรือ ads ที่เราเห็นกันในหน้า news feed ของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ทำ page ขึ้นมาเพื่อการค้าหรือใดๆก็ตาม ส่วนใหญ่จะต้องมีการเสียเงินให้กับ facebook เพื่อทำการ boost post/like/page ที่เรามักจะเห็นคำว่า Sponsored นั่นแหล่ะครับ เสียเงินทั้งนั้น
–> คิดภาพน่ะครับ…สมมติบนโลกนี้มีคนทำเพจราวๆหนึ่งแสนเพจ ที่ต้องจ่ายเงินให้พี่มาร์คและ Facebook เดือนละ 1 พันบาทเพื่อการโฆษณา รายได้เข้า Facebook ขำๆเลยก็แค่ 1 ร้อยล้านบาทต่อเดือน! สุดยอดของการทำธุรกิจแล้วครับ ปีนึงก็ได้แบบไม่ขำแล้ว ราวๆ 1.2 พันล้านบาท!! อันนี้คิดแบบเล่นๆ ถ้าเกิดมีสัก 1 ล้านเพจ ที่ทำแบบเดียวกัน…ปีนึงก็ได้ทันที 1.2 หมื่นล้านบาทเลยน่ะครับน่ะ
3) การเข้าซื้อ WhatsApp และ Instagram
–> Facebook ได้สร้างความฮือฮาถึงสองครั้ง ด้วยการเข้าซื้อโปรแกรมแชทยอดฮิต (ไม่นับในไทยที่ฮิตแชทผ่าน Line) และโปรแกรมสุดเทพอย่าง WhatsApp และ Instagram ในราคา $22 Billion ในปี 2014 และ $1 Billion ในปี 2013 ตามลำดับ…
–> ทั้งสองดีลที่เกิดขึ้น ช่วงแรกนั้น ทั้งพี่มาร์คและ Facebook โดนโจมตีวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการลงทุนที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ WhatsApp บริษัทที่ในขณะนั้นสร้างรายได้แค่ $10.2 Million ต่อปี หรือ Instagram ที่หลายคนบอก เป็นเพียงแค่โปรแกรมโชว์รูปธรรมดาๆเท่านั้น ไม่น่ามีมูลค่าถึง $1 Billion ได้
–> ตอนนี้คนเหล่านั้น…เงียบกริบเลยครับ เพราะสิ่งที่ Facebook ได้จาก WhatsApp และ Instagram นอกจากรายได้ที่โตต่อเนื่อง บางไตรมาสชนะ Facebook ซะด้วยซ้ำ ก็คือ ฐานข้อมูลของผู้ใช้ (users) ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลายมากๆ
ลองดูข้อมูลด้านล่างนี้กันครับ…
–> จากรูป จะเห็นได้ว่า กลุ่มสังคมผู้ใช้ของ Facebook นั้น มีมากกว่า 1.59 พันล้านคน
–> มากกว่า 1 พันล้านคนใช้ฟังก์ชั่น Groups
–> เกือบ 1 พันล้านคนแชทผ่านโปรแกรม WhatsApp
–> ราว 400 ล้านคนใช้ Instagram
–> ประมาณ 800 คนแชทปผ่าน Messenger
–> กลุ่มธุรกิจราวๆ 50 ล้านคนใช้ฟังก์ชั่น Pages ในการโปรโมตธุรกิจตัวเอง
–> มากกว่า 19 ล้านคน ที่ไม่เคยเข้าถึงอินเตอร์เน็ต สามารถเข้าถึงได้แล้วผ่าน Internet.org
บอกได้คำเดียวว่า…สุดยอดไปเลยพี่มาร์ค…
4) ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ดีเยี่ยม
–> ผลประกอบการล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 มกราคม 2559) โชว์ตัวเลขสำคัญว่ารายได้และกำไรของ Facebook นั้น ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้หลักมาจากการเติบโตของโฆษณา โดยเฉพาะโฆษณาผ่านมือถือนั้น ถือว่าโตขึ้นเป็นอย่างมาก
–> รายได้รวมของ Facebook อยู่ที่ $5.84 พันล้านเหรียญ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ $5.37 พันล้านเหรียญ อยู่มากพอสมควร ทำให้ราคาหุ้นวันนี้ (28 มกราคม 2559) เปิดกระโดดราวๆ 13% เลยทีเดียว
จึงไม่แปลกใจแต่อย่างใดที่ราคาหุ้นตัวนี้ จะแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง…
ความเสี่ยงสำหรับ Facebook และนักลงทุนในอนาคต
–> ถ้าพี่มาร์คเป็นอะไรไป…อันนี้รู้กันเนอะ
–> การล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากจนเกินไป..ข้อนี้มีหลายเคสในอดีตที่เป็นกระแสแรงจนพี่มาร์คต้องออกมาขอโทษผู้ใช้
–> การเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ในอนาคต…อันนี้ย่อมมีแน่นอน เพียงแต่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
–> ผู้ใช้เริ่มเบื่อ..อันนี้เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว
–> การพึ่งพารายได้ส่วนใหญ่มาจากการโฆษณา
สรุป
–> หุ้น Facebook ถือว่าเป็น case study ชั้นดีอีกอันของประวัติศาสตร์การทำธุรกิจและตลาดหุ้นครับ
–> การสร้างธุรกิจที่เจาะกลุ่มลูกค้าและความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ Facebook เป็นบริษัทที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมในช่วงขวบปีล่าสุดครับ
–> ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคตน่ะจ๊ะ