คุณเป็นอีกคนใช่ไหมที่คิดว่าการลงทุนใน ETF เป็นการลงทุนแบบ Passive ซึ่งได้ผลตอบแทนเท่าตลาด ดังนั้นนักลงทุนไทยจึงมองข้ามการลงทุนใน ETF
แต่ในปัจจุบัน ETF ได้ก้าวหน้าไปมาก ไม่ใช่เป็นแค่การลงทุนแบบ Passive อย่างเดียว
ETF ได้พัฒนาไปสู่การเป็น Smart Beta ETF ซึ่งจะทำให้ ETF มีจุดสนใจในการลงทุนดังนี้
1) กลยุทธ์การลงทุนที่มากกว่า Passive
ETF แบบดั้งเดิมจะลงทุนตาม Index โดยจะใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Market-cap weighting ลงสัดส่วนการลงทุนโดยใช้ขนาดของ Market-Cap เป็นหลัก
แต่ Smart Beta ETF จะใช้ Rule Base เลือกหุ้นหรือสินทรัพย์ในการลงทุน ซึ่งจะทำให้เป็นส่วนผสมการลงทุนแนวระหว่าง Passive กับ Active
Smart Beta อาจจะมีกลยุทธ์ดังนี้
-Equally weighted แทนที่จะจัดสัดส่วนตาม Market Cap ก็ในจัดสัดส่วนให้น้ำหนักเท่ากัน
-Fundamentally weighted จัดสัดส่วนข้อมูลพื้นฐานทางการเงิน เช่น รายได้ กำไร
-Factor-based จัดสัดส่วนตาม Factor บ้างอย่างที่กำหนดไว้ เช่น Momentum ของกำไร
-Low volatility จัดส่วนส่วนตาม Volatility เช่น ความผันผวนต่ำก็จะมีสัดส่วนที่มากกว่า
2) ค่าธรรมเนียมไม่แพง
ETF แบบลงทุนใน Index ค่าธรรมเนียมถูกมาก ดังนั้น Smart Beta ETF ก็มีค่าธรรมเนียมไม่แพงเช่นกัน เช่น
XMMO Invesco S&P Midcap Momentum ETF มี expense ratio อยู่ที่ 0.39% เท่านั้น
โดย XMMO ETF จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลาง โดยเลือกจาก S&P400 โดยจะใช้กลยุทธ์แบบ momentum ผสมกับ Market-cap weighting
3) เลือกได้หลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก
ETF และ Smart Beta ETF ในต่างประเทศไม่ใช่มีแค่การลงทุนในหุ้น แต่มีหลากหลายสินทรัพย์ เช่น ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ เช่น VNQI จะลงทุนใน REIT ทั่วโลกใน 30 ประเทศไม่รวม USA
4) เลือกได้หลากหลายอุตสาหกรรม
ETF และ Smart Beta ETF มีให้เลือกได้หลากหลายอุตสาหกรรมแม้แต่จะลงทุนตามภูมิภาค เช่น XNTK จะใช้กลยุทธ์ equally weighted หุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรม electronics ส่วน AIA จะลงทุนใน 50 บริษัทขนาดใหญ่ใน Hong Kong, South Korea, Singapore และ Taiwan
5) สร้างพอร์ตและกลยุทธ์ลงทุน
การลงทุนใน ETF สามารถซื้อและขายภายในวัน เหมือนกับหุ้น ดังนั้นเราสามารถสร้างพอร์ตและกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้แบบการลงทุนในหุ้น เช่นการกำหนดกลยุทธ์สร้างพอร์ตแบบ Core-Satellite strategy with ETFs ดังรูป
ใช้ ETF Index world เป็น core โดยจะมี ETF กลุ่มอุตสาหกรรม รายกลุ่มประเทศ เป็น Satellite ซึ่งอาจจะอาจจะกำหนดกลยุทธ์การซื้อขายแบบ Relative Strength ซื้อ ETF ที่มีจะมี momentum ดี และขายเหมือน momentum ไม่ดี
Source: justETF
ลองมาทำการทดสอบย้อนหลังปี 2014 ถึง 24-Sep-2019 โดยจัดพอร์ตแบบนี้
Core – SPY ETF เป็นการลงทุนใน S&P 500 Index
Satellite
-QQQ ETF เป็นการลงทุนใน 100 NASDAQ โดยใช้กลยุทธ์แบบ modified-market-cap-weighted
-XMMO ETF ลงทุนในหุ้นขนาดกลาง ใช้กลยุทธ์แบบ momentum ผสมกับ Market-cap weighting
-PSCT ETF ลงทุนในหุ้นขนาดเล็กด้าน technology
ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
จะเห็นได้ว่า พอร์ตการลงทุนมีทั้งผลตอบแทนและ Sharpe Ratio ที่สูงกว่า
Financial Times ระบุเศรษฐกิจไทยยังคงเป็นคนป่วยแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยกเหตุผล 4 ข้อประกอบ นั่นคือ GDP ยังโตช้า ส่งออกได้น้อยลง การบริโภคในประเทศหดตัว และหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ระบบ คนป่วยแห่งเอเชีย
Smart Beta ETF จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุน ซึ่งนักลงทุนไทยสามารถกระจายเงินลงทุนไปยังต่างประเทศได้โดยตรง
WealthGuru
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เริ่มลงทุนเพื่อเกษียณด้วยพอร์ตลงทุนแบบ Global Aggressive Hybrid พอร์ตกองทุนที่จัดโดย WealthGuru ซึ่งลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้เงินสร้างความมั่งคั่งในอนาคต สามารถดูรายละเอียดและลงชื่อรับบริการได้ที่นี่
https://www.finnomena.com/port/wealthguru/