โลกกำลังเปลี่ยนไปแล้ว อย่าพลาดในการลงทุนในเมกะเทรนด์
โลกหลัง COVID-19 เปลี่ยนไปแล้ว อย่าตกรถกับเมกะเทรนด์
เมกะเทรนด์ โอกาสในการลงทุนมาแล้ว ห้ามพลาด!!!
ผมคิดว่า คำโปรยเหล่านี้ เหล่านักลงทุนคงเคยได้ยินได้ฟังมาก ในปี 2020 และ 2021
ผมว่าหลายคนคงได้มีโอกาสลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในเมกะเทรนด์ เช่น กองทุนเมกะเทรนด์ ในอุตสาหกรรมรถ EV , พลังงานสะอาด หรือ ด้านการเงินดิจิทัล เป็นต้น
แต่ในปี 2022 ผลตอบแทนของเหล่ากองทุนเมกะเทรนด์ กลับติดลบกันไม่ต่ำกว่า -30% ขึ้นไปเลยทีเดียว
ผมอยากให้ดูภาพประกอบข้างล่างนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่างกองทุนประเภท เมกะเทรนด์ คือกองทุน GXTG (Global X Thematic Growth ETF ซึ่งลงทุนหลากหลายเมกะเทรนด์ เช่นลงทุน เมกะเทรนด์กัญชา เมกะเทรนด์ BLOCKCHAIN หรือเมกะเทรนด์หุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ เป็นต้น
Figure 1 SeekingAlpha วันที่ 18Dec2022
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
จะเห็นได้ว่าในปี 2022 กองทุน GXTG ติดลบไป -45.44% เทียบกับตลาดคือ ดัชนี S&P500 ติดลบอยู่ที่ -19.68%
ในขนาดที่ กองทุนประเภทเน้นลงทุนในหุ้นคุณค่า เช่น SPLV (Invesco S&P 500® Low Volatility ETF) และ RPV (Invesco S&P 500® Pure Value ETF) กลับติดลบเพียง -6.4% และ -4.14% ตามลำดับ
ทำไมติดลบมากกว่าตลาดเยอะ
เนื่องจากเหล่ากองทุนเมกะเทรนด์จะลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะเติบโตในอนาคต หรือ กำลังเติบโต นั้นหมายความว่า ราคาหุ้นจะมีความแพงกว่าปัจจัยพื้นฐาน ถ้าเกิดวงจรที่ดอกเบี้ยขาขึ้น และเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวและถดถอย จะทำให้หุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์โดนเทขายออกมาก่อน เป็นเหตุผลว่าราคาตกลงมาเยอะ
จะต้องลงทุนอย่างไรในกองทุนเมกะเทรนด์
Figure 2 Morningstar Research 31-Mar-2021
จากการศึกษาของ Morningstar พบว่า ยิ่งระยะเวลานานขึ้น มีกองทุนแบบ Thematic หรือ
เราเรียกกว่าเมกะเทรนด์ ชนะตลาดเพียง 20-30% เท่านั้น ดังนั้น การลงทุนในกองทุนเมกะเทรนด์ควรเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง และ ที่สำคัญคือ กองทุนแบบเมกะเทรนด์ ไม่ใช่ส่วนหลัก (Core Port) เป็นเพียงส่วนเสริม (satellite) เท่านั้น
ต่อไปถ้าคุณคิดจะลงทุนแบบเมกะเทรนด์ จงจำไว้ว่า มันไม่ใช่สัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุน เป็นเพียงส่วนเสริม (satellite) เท่านั้น
ส่วนกองทุนเมกะเทรนด์จะล่มสลายไปเลยหรือไม่ เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
WealthGuru