นับจากออกพอร์ต Global Aggressive Hybrid ณ วันที่ 23-เมษายน-2019 เป็นวันเวลาเกือบ 3 ปี ถึงเวลาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของพอร์ต เนื่องจากเวลานี้กองทุนไทยมีกองทุนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะมีการนำ ETF เข้ามามาก ทำให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกมากขึ้น
1. เปรียบเทียบกลยุทธ์แบบ ปัจจุบัน vs แบบใหม่
Key หลักที่จะเปลี่ยนจาก สามารถลงทุนหุ้นได้เต็ม 100% และจะเลือกสามารถเลือกกองทุนแบบ Sector และโดยเฉพาะ Thematic ได้
2. กลยุทธ์แบบ Momentum
อะไรคือความหมายของ กลยุทธ์แบบ Momentum
- กลยุทธ์ Price Momentum : ซื้อหุ้นที่มีผลตอบแทน 6 เดือนย้อนหลังสูงสุด 30 เปอร์เซ็นไทล์แรก โดยมีการปรับพอร์ตโฟลิโอทุกๆ 6 เดือน โดยแนวคิดหลักของกลยุทธ์การลงทุนนี้คือการคำนวนค่า Momentum ของหุ้นแต่ละตัวในเชิงเปรียบเทียบหรือที่เรียกว่า Relative Momentum และเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีผลตอบแทนย้อนหลังสูงสุด
- กลยุทธ์ Industry Momentum : ซื้อหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีสูงสุด 30 เปอร์เซ็นไทล์แรก (ในกรณีตลาดหุ้นไทยเรามีกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหมด 8 กลุ่มตามการแบ่งของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) โดยมีการปรับพอร์ตโฟลิโอทุกๆ 1 ปี ซึ่งแนวคิดนี้คือการคำนวนค่า Momentum ในเชิงเปรียบเทียบตามกลุ่มอุตสาหกรรม (Relative Industry Momentum) และเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลตอบแทนย้อนหลังสูงสุด
- กลยุทธ์ 52 Week High : ซื้อหุ้นที่ราคา 1 เดือนก่อนหน้านี้ใกล้เคียงราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ผ่านมามากที่สุดโดยมีการปรับพอร์ตโฟลิโอทุกๆ 1 ปี โดยแนวคิดของกลยุทธ์นี้คือการยึดระยะทางจากจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ของหุ้นแต่ละตัวเป็นตัวชี้วัด Momentum หรือที่เรียกว่า Absolute Momentum และเลือกลงทุนในหุ้นที่ราคาอยู่ใกล้จุดสูงสุด 52 สัปดาห์ของปีที่ผ่านมามากที่สุด
** จากหนังสือ Quantitative Momentum แปลโดย www.siamquant.com
การนิยามปัจจัย Momentum ในการลงทุนนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆนั่นก็คือ
- Relative Momentum หรือเรียกอีกอย่างว่า Cross-Sectional Momentum
- Absolute Momentum หรือเรียกอีกอย่างว่า Time-Series Momentum
ในกรณีของ Cross-Sectional Momentum ลองจินตนาการว่าเรากำลังนำหุ้นทุกตัวใน Universe การลงทุนของเรา ณ เวลาใดเวลาหนึ่งมาทำการจัดลำดับเปรียบเทียบกัน โดยส่วนมากนักลงทุนมักนำอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด (Rate of Change) มาใช้เป็นมาตราในการเปรียบเทียบ ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของการคำนวนค่า Relative Strength
อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบแบบนี้ อาจทำให้เกิดกรณีที่หุ้นที่อยู่ในลำดับต้นๆของการจัดอันดับ Cross-Sectional Momentum นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีผลตอบแทนที่ติดลบก็เป็นได้ โดยเฉพาะในกรณีวิกฤติเศรษฐกิจที่หุ้นโดยมากทั้งตลาดนั้นมีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
ส่วน Time-Series Momentum นั้นจะเป็นการวิเคราะห์ Momentum โดยการมองไปที่ข้อมูลราคาในอดีตของหุ้นแต่ละตัวที่เราทำการวิเคราะห์ (ไม่ได้มองเพียงแค่จุดเดียวของเวลาแบบกรณีของ Cross-Sectional Momentum) โดยในกรณีนี้เราจะใช้จุดใดจุดหนึ่งของราคาในอดีตมาเป็นจุดชี้วัด ซึ่งหนึ่งในจุดชี้วัดที่ได้รับความนิยมเป็นสากลคือจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีหรือ 52 Week High ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง
** จากหนังสือ Quantitative Momentum แปลโดย www.siamquant.com
Global Aggressive Momentum จะใช้กลยุทธ์แบบ Relative Momentum เลือกกองทุนที่เป็นผู้นำ และมีการกระจายความเสี่ยงในหลากหลายสินทรัพย์
3. Methodology
Momentum Screen
คัดเลือกและจัดทำ rank กลุ่มประเทศ หรือ sector ด้วย momentum ผ่าน ETF เพื่อหาแนวโน้นผู้ชนะ
การ ranking ไม่ได้ใช้แค่ Relative Momentum แต่มีการให้น้ำหนักต่อ Volatility ด้วยแม้ Relative Momentum ดี แต่ถ้า Volatility มาก ก็อาจจะได้ Rank ที่ดีได้
ประเทศที่ยังเป็น Momentum Leader คือ S&P500 ของอเมริกา และ VNM ของเวียดนาม
ตัวอย่าง Thematic/Sector Momentum Screen
Sector/Thematic ที่ยังเป็น Momentum Leader คือ
- SMH คือ thematic ของ Semiconductor
- ESPO คือ thematic ของ GAME
- IXN คือ Sector ของกลุ่ม Technology
- RXI คือ Sector ของกลุ่ม Consumer Discretionary
Fundamental
นำ Top 5 แต่ละส่วนมาดู ปัจจัยพื้นฐาน เช่น PE โดยเฉพาะ การเติบโตของกำไร และ inflow
Fund Selection
นำข้อมูลที่ได้ มาเลือกกองทุนในไทยที่ใกล้เคียงกับ ETF ต่างประเทศที่สุด โดยจะพิจารณาการทำ Rotation ทุกๆ 3 เดือน
4. กลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุน
Key ของกลยุทธ์แบบ Global Aggressive Hybrid แบบใหม่
5. ผลทดสอบ Port Model ย้อนหลัง
Core 40% และใช้ Satellite แบบ Global 20% ถือ 2 ตัว และ Thematic40% ถือ 3 ตัว
** การทดสอบจะทดสอบโดยใช้ ETF เป็นหลัก โดยจะทำการ Rotation ส่วนของ Satellite ทุก 3 เดือน โดยทั้งหมดจะถือ 7 ตัว จะหา ETF ที่มี กองทุนในประเทศนำมาเป็น feeder fund โดยพยายามหาให้ใกล้เคียงที่สุด ผลการทดสอบจะไม่หักค่าธรรมเนียมใดๆ
Core 40% และใช้ Satellite แบบ Thematic60% ถือ 4 ตัว
** การทดสอบจะทดสอบโดยใช้ ETF เป็นหลัก โดยจะทำการ Rotation ส่วนของ Satellite ทุก 3 เดือน โดยทั้งหมดจะถือ 6 ตัว จะหา ETF ที่มี กองทุนในประเทศนำมาเป็น feeder fund โดยพยายามหาให้ใกล้เคียงที่สุด ผลการทดสอบจะไม่หักค่าธรรมเนียมใดๆ
Core 40% และใช้ Satellite แบบ Thematic และสินทรัพย์อื่นเช่น ทองคำ เงินสด รวม 60%
การทดสอบแตกต่างจากการทดสอบก่อนหน้านั้น คือ เพิ่มทองคำ และเงินสด เพื่อจะลดความผันผวน และ ลด Drawdown ถ้าเกิดวิกฤต
จากผลทดสอบ แม้ผลตอบแทนต่อปีอยู่ 15.8% จะน้อยกว่า ผลทดสอบกรณีที่ 2 อยู่ที่ 16.9% แต่จะเห็นว่า ความผันผวนอยู่ที่ 16.4% น้อยกว่า ผลทดสอบกรณีที่ 2 อยู่ที่ 17.8% ดังนั้นการเพิ่ม เงินสดและทองคำใน Thematic Satellite จะช่วยลดความผันผวนและ Draw Down ได้จริง
** การทดสอบจะทดสอบโดยใช้ ETF เป็นหลัก โดยจะทำการ Rotation ส่วนของ Satellite ทุก 3 เดือน โดยทั้งหมดจะถือ 6 ตัว จะหา ETF ที่มี กองทุนในประเทศนำมาเป็น feeder fund โดยพยายามหาให้ใกล้เคียงที่สุด ผลการทดสอบจะไม่หักค่าธรรมเนียมใดๆ
6. Risk and Reward ของพอร์ต
Reward มีโอกาสได้ Alpha เพื่อชนะ ดัชนี MSCI World Index ในระยะยาว
Risk มีความผันผวนเทียบเท่าหรือมากกว่า ดัชนี MSCI World Index และมีโอกาสเจอกับ Max Draw Down เกิน -15% สภาวะตลาดผันผวนเกิดวิกฤต เนื่องจากใช้ momentum เป็นตัวกรองดังนั้นก็มีโอกาสที่ momentum จะเปลี่ยนทิศทางได้ ระดับความเสี่ยงอยู่ที่ 6
WealthGuru
*สนใจลงทุนในพอร์ต Global Aggressive Hybrid พอร์ตกองทุนที่จัดโดย WealthGuru ซึ่งลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้เงินสร้างความมั่งคั่งในอนาคต สามารถสร้างแผนได้ที่นี่ https://www.finnomena.com/guruport-wealthguru-hybrid-create/
โปรดทราบ สำหรับลูกค้าฟินโนมีนาที่ลงทุนใน FINNOMENA PORT และได้รับบทความนี้ แต่ยังไม่ได้รับอีเมลและ/หรือ Notification ในการแจ้งสัดส่วนเงินในการเข้าลงทุน อาจเกิดจาก 1) ท่านอยู่ระหว่างการทำรายการซื้อขายกองทุน ซึ่งทางฟินโนมีนาจะแจ้งเตือนอีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์หลังจากการทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้น หมายเหตุ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะรอรับการแจ้งเตือน ท่านสามารถดูรายละเอียดของพอร์ตการลงทุนที่แนะนำผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของฟินโนมีนาพร้อมปรับพอร์ตเข้าลงทุนได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID: @FINNOMENAPORT |
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”