Value Investing ของเบนจามิน เกรแฮม แตกต่างจากของวอร์เรน บัฟเฟตต์
“อะไรคือ Fact และ Fiction ของ Value Factor Investing?”
ผมคิดว่า คำถามข้างบนเป็นคำถามที่นักลงทุนทั่วไปสนใจ วันนี้ผมนำเอาบทความนี้เขียนโดยผู้จัดการกองทุนจาก AQR Capital Management และศาสตราจารย์ด้านการเงินจาก University of Chicago โดยอธิบายข้อเท็จจริงและข้อผิดพลาดที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing)
ข้อดีของ Value Investing
1. ผลตอบแทนที่เหนือกว่าในระยะยาว
หลักฐานเชิงประจักษ์จากงานวิจัยจำนวนมาก สนับสนุนว่า Value Investing สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดโดยเฉลี่ยในระยะยาว (Value Premium)
2. การกระจายความเสี่ยง
Value Investing มีประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับกลยุทธ์อื่น ๆ เช่น Momentum Investing และการลงทุนในบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง แม้ในสถานการณ์ที่ Value Premium หมดไป Value Investing ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยง
3. ความเรียบง่าย
กลยุทธ์ Value Investing ค่อนข้างเข้าใจง่าย โดยอาศัยหลักการพื้นฐานของการซื้อสินทรัพย์ที่ราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง
4. สามารถนำไปใช้ได้กับสินทรัพย์หลายประเภท
Value Investing ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลงทุนในหุ้น แต่สามารถประยุกต์ใช้กับสินทรัพย์ประเภทอื่นได้ เช่น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน
ข้อเสียของ Value Investing
1. ความผันผวน
ผลตอบแทนจาก Value Investing อาจมีความผันผวนในระยะสั้น และอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเห็นผลตอบแทนที่เหนือกว่า
2. ความเสี่ยงของ “Value Trap”
การเลือกหุ้นที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว อาจทำให้ติดกับดัก “Value Trap” คือการลงทุนในบริษัทที่มีปัญหาพื้นฐาน ซึ่งราคาหุ้นอาจไม่ฟื้นตัว
3. ความต้องการความอดทนและวินัย
นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าต้องมีความอดทน รอคอยให้ตลาดรับรู้มูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ และต้องมีวินัยในการลงทุน ไม่หวั่นไหวกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น
4. ผลตอบแทนที่ลดลงในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า Value Premium มีประสิทธิภาพน้อยลงในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นกลยุทธ์เดี่ยว ๆ
ข้อแตกต่างของหลักการของ เบนจามิน เกรแฮม แตกต่างจากของวอร์เรน บัฟเฟตต์
กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) ของเบนจามิน เกรแฮม แตกต่างจากของวอร์เรน บัฟเฟตต์ในประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอ
เกรแฮมเชื่อในการกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในหลากหลายหลักทรัพย์ ในขณะที่บัฟเฟตต์มุ่งเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์จำนวนน้อยที่เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
2. การพิจารณาคุณภาพของบริษัท
บัฟเฟตต์ไม่ได้เป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) ที่บริสุทธิ์ เพราะเขามักพิจารณาคุณภาพของบริษัทด้วย เช่น ศักยภาพในการเติบโตและความสามารถในการทำกำไร ในทางกลับกัน เกรแฮมให้ความสำคัญกับการซื้อสินทรัพย์ที่ราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของบริษัทมากนัก
3. รูปแบบการลงทุน
บัฟเฟตต์มีแนวทางการลงทุนแบบ “เลือกหุ้น” (Stock Picking) โดยการวิเคราะห์และเลือกหุ้นแต่ละตัวอย่างละเอียด ส่วนเกรแฮมเน้นการลงทุนแบบเป็นระบบ (Systematic) มากกว่า โดยใช้เกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในการคัดเลือกหุ้น
ถึงแม้จะมีความแตกต่าง แต่ทั้งเกรแฮมและบัฟเฟตต์ ต่างก็เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จากการใช้กลยุทธ์ Value Investing ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กลยุทธ์นี้สามารถปรับใช้ได้หลากหลายรูปแบบ และประสบความสำเร็จได้ทั้งในรูปแบบการลงทุนแบบกระจุกตัว (Concentrated) และแบบกระจายความเสี่ยง (Diversified)
อะไรคือ Fact และ Fiction ของ Value Factor Investing
เรามาดู Fiction หรือความคิดเห็นที่คลาดเคลื่อนของ Value Factor Investing
ข้อคิดเห็นที่คลาดเคลื่อน (Fiction)
1. Value Investing เป็นทักษะเฉพาะตัวที่ต้องใช้กับพอร์ตโฟลิโอที่มีความเข้มข้น
ผู้เขียนบทความไม่เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นนี้ โดยมองว่า Value Investing เชิงระบบที่เน้นการกระจายความเสี่ยงก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ ไม่จำเป็นต้องลงทุนในหุ้นจำนวนน้อยที่ถูกวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง เหมือนกับที่ Warren Buffett ทำ ตัวอย่างของ Warren Buffett เป็นเพียงกรณีศึกษา ไม่สามารถใช้อ้างอิงเป็นข้อมูลเชิงสถิติได้
2. Value Investing เป็นกลยุทธ์แบบ Passive และซื้อขายต่ำ
แม้ Value Investing จะเป็นกลยุทธ์เชิงระบบและมีการซื้อขายหมุนเวียนต่ำ แต่ผู้เขียนบทความให้คำจำกัดความว่า กลยุทธ์แบบ Passive คือการลงทุนตามน้ำหนักตลาด ดังนั้น Value Investing ซึ่งให้น้ำหนักการลงทุนต่างจากตลาด จึงถือเป็น Active Investing การลงทุนแบบถือหุ้นเดี่ยวหรือพอร์ตของ Warren Buffett ที่มีการซื้อขายหมุนเวียนต่ำก็ไม่สามารถจัดเป็น Passive Investing ได้เช่นกัน
3. Value Investing ไม่จำเป็น เพราะซ้ำซ้อนกับปัจจัยอื่น ๆ
จากการศึกษาของ Fama and French พบว่าปัจจัย HML (Value Factor) ไม่ได้อธิบายผลตอบแทนเหนือกว่าปัจจัย 4 ตัวอื่น อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนบทความแย้งว่า การศึกษาของ Fama and French ไม่ได้รวมปัจจัย Momentum ซึ่งเมื่อรวมปัจจัย Momentum และใช้ HML ที่คำนวณด้วยราคาหุ้นล่าสุดจะพบว่า HML ยังคงมีความสำคัญในการอธิบายผลตอบแทน
ข้อเท็จจริง (Fact)
1. Value Investing ใช้ได้กับสินทรัพย์มากกว่าแค่หุ้น
แม้ว่างานวิจัยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่หุ้น แต่ Value Investing สามารถนำไปใช้กับสินทรัพย์ประเภทอื่นได้ เช่น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน และดัชนีหุ้นทั่วโลกได้
นักลงทุนสามารถสร้างกลยุทธ์ Value Investing ในสินทรัพย์ประเภทอื่นได้โดยการระบุสินทรัพย์ที่ราคาถูกและแพง ตัวอย่างเช่น สำหรับพันธบัตร ผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริง (real bond yield) สามารถใช้เป็นมาตรวัดมูลค่าได้
2. การวัดมูลค่าสามารถทำได้หลายวิธี และวิธีที่ดีที่สุดคือการใช้ตัวแปรหลายตัวประกอบกัน
ไม่มีเหตุผลทางทฤษฎีที่จะสนับสนุนให้ใช้ตัวชี้วัดใดตัวชี้วัดหนึ่งเป็นตัวชี้วัดมูลค่าที่แท้จริง การใช้ตัวชี้วัดหลายตัวประกอบกัน เช่น อัตราส่วนราคาต่อกำไร (price-to-earnings ratio), อัตราส่วนราคาต่อกระแสเงินสด (price-to-cash flow ratio) และอัตราส่วนผลตอบแทนจากเงินปันผล (dividend yield) ช่วยลดข้อผิดพลาดและสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
3. Value Investing เพียงอย่างเดียวนั้นค่อนข้างอ่อนแอในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่
แม้ว่าการคาดการณ์ผลตอบแทนจะแข็งแกร่งกว่าในกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก หลักฐานแสดงให้เห็นว่าไม่มีค่าพรีเมี่ยมที่แข็งแกร่งในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงเวลาตัวอย่าง อย่างไรก็ตาม Value Investing ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับโมเมนตัมหรือความสามารถในการทำกำไร
4. ความสามารถในการทำกำไร (profitability) สามารถใช้เพื่อปรับปรุง Value Investing
และยังคงสอดคล้องกับคำอธิบาย Value Investing ตามทฤษฎีความเสี่ยงได้ การใช้ความสามารถในการทำกำไรเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ value investing สอดคล้องกับทั้งมุมมองของตลาดที่มีประสิทธิภาพและไม่มีประสิทธิภาพ
5. “Fundamental indexing” เป็นเพียงแค่ value investing อย่างเป็นระบบ
Fundamental indexing ให้น้ำหนักหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ เช่น มูลค่าตามบัญชี เงินปันผล กระแสเงินสด ยอดขาย กำไร ฯลฯ ซึ่งตรงข้ามกับการใช้น้ำหนักตามมูลค่าตลาด ในขณะที่ผู้สนับสนุน fundamental indexing อ้างว่าแตกต่างและดีกว่า value investing แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงกลยุทธ์ Value Investing อย่างเป็นระบบแบบง่าย ๆ
บทความค่อนข้างยาว แต่มีรายละเอียดเยอะมาก ใครมีเวลาลองหามาอ่านได้เป็นประโยชน์มาก ๆๆ
ลองหาคำว่า Fact, Fiction, and Value Investing AQR Capital Management
สนใจลงทุน Global Aggressive Hybrid Portfolio สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://port.finnomena.com/plan-select/plans/guruport-hyb
WealthGuru
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”