เสียใจ…ที่ลงทุน vs. เสียดาย…ที่ไม่ได้ลงทุน
By WealthMeUp
ในโลกของ “เงินฝาก”
…76,238,250 คือจำนวนบัญชี “เงินฝากออมทรัพย์” ของคนไทยในปัจจุบัน
…88% (67.4 ล้านบัญชี) มียอดเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท/บัญชี
ในโลกของ “การลงทุน”
…4.4 ล้านบัญชี คือจำนวนบัญชี “กองทุนรวม” ของคนไทย ณ สิ้นปี 2558
…2.2 ล้านบัญชี คือจำนวนบัญชี “หุ้น” ของคนไทย ณ สิ้นปี 2558 (เป็น internet trading ถึง 43%) แต่ Active เพียง 4.9 แสนบัญชี (22%)
ว่าแต่…เราเป็นคนกลุ่มไหนกัน?
- ยังฝากเงินอย่างเดียวอยู่มั้ย?
- ยังพอใจกับการเป็นคนกลุ่มใหญ่อยู่รึเปล่า?
- ก้าวขาเข้ามาแหย่ในโลกของการลงทุนบ้างมั้ย?
- เคยลิ้มลองรสชาติของการขาดทุนแล้วหรือยัง?
- เรียนรู้ประสบการณ์ด้านไหนไปบ้างระหว่าง เสียใจ…ที่ลงทุน หรือ เสียดาย…ที่ไม่ได้ลงทุน
คนจำนวนไม่น้อย พร่ำบ่นกับสิ่งที่ “ลงมือทำ”
- กินเยอะ น้ำหนักขึ้น หุ่นเสีย…ไม่น่าตามใจปากเลย
- นอนน้อย พูดผิดๆ ถูกๆ นายไม่พอใจ…ไม่น่าประมาทเลย
- ใช้อารมณ์ ไม่มีสติ พูดจาไม่ดีกับใครบางคน…ไม่น่าทำแบบนั้นเลย
คนอีกจำนวนหนึ่ง ตัดพ้อกับสิ่งที่ “ไม่ได้ทำ”
- ขี้เกียจ ไม่ไปออกกำลังกาย คูปองหมดอายุ…รู้งี้ไปดีกว่า (เสียดายเงิน)
- กองงานไว้ คิดว่าไม่ยาก ทำไม่ทัน…สุดท้ายเสียดายเวลาที่ผ่านมา
- เกิดเรื่องเข้าใจผิด ปล่อยไว้ จนสายไป…วันนั้นน่าจะเคลียร์ให้เข้าใจ
โลกนี้ไม่เคยมีความพอดี และไม่เคยมีใครพอใจ ในสิ่งที่เป็น…เฉกเช่นในโลกของการลงทุน
- หุ้นร่วง ขาดทุน พอร์ตแดง…ไม่น่าซื้อเลย
- หุ้นขึ้น ตกรถไฟ เสียดาย…วันนั้นน่าจะซื้อไว้
- เฮลธ์แคร์แย่ ลงเฉยเลย ไหนว่าดี…ไม่น่าเชื่อเลย
- น้ำมันดีด ซื้อไม่ทัน ผิดคาด…รู้งี้ซื้อตามก็ดี
- จีนทรุด ฉุดเอเชีย เพลียใจ…ไม่น่าทุ่มเลย
- ญี่ปุ่นฟื้น ยุโรปเขียว QEมาเต็ม…เสียดายไม่ได้ลงทุน
ความรู้สึกแบบนี้ใช่มั้ยที่ทำให้ใครต่อใครอารมณ์ “เสีย”…
ทั้ง เสียใจ…ที่ลงทุน และ เสียดาย…ที่ไม่ได้ลงทุน
เชื่อเถอะว่า…ในโลกของความเป็นจริง ไม่มีใครเลยสักคนเดียวที่ลงทุนถูกทุกครั้ง “ซื้อปุ๊บขึ้น” “ขายปุ๊บร่วง” แม้แต่นักลงทุนชั้นเซียนก็ยังเคยผิดพลาด ไม่มากก็น้อย (แต่จะบอกหรือไม่อีกเรื่องนึง)
คำถามก็คือจะดีหรือที่เรามัวแต่ “พร่ำบ่น” กับสิ่งที่ผ่านไปถ้าไม่รู้สึก “เสียใจ” ก็รู้สึก “เสียดาย”
กลับมาทบทวนหลักคิดกันสักนิด…เพราะชีวิตไม่ได้มีเพียงแค่ลมหายใจออก (ถอนหายใจ) จากเหตุแห่งการ “เสีย”
ว่าแต่…ต้นเหตุแห่งการแหย่ขาเข้ามาในโลกของ “การลงทุน” ของเราคืออะไร?
- ไม่ต้องใช้แรงทำเงินอย่างเดียว
- ให้เงินทำงาน
- ความมั่นใจในชีวิต
- ความมั่นคงทางการเงิน
- ลดผลกระทบของเงินเฟ้อ
- มีเงินใช้ตอนแก่
- เก็บกินดอกผลไปเรื่อยๆ
- ใช้เป็นทุนการศึกษาลูก
- บลา บลา บลา
เมื่อ “เป้าหมาย” ชัด…
การจัดระเบียบแบบแผนก็ทำได้ไม่ยาก
- ลงทุนระยะสั้น เสี่ยงน้อยหน่อย ผลตอบแทนไม่มากมาย เน้นปลอดภัย
- ลงทุนระยะกลาง เสี่ยงขึ้นนิด จัดพอร์ต-กระจายการลงทุน เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนมากขึ้น
- ลงทุนระยะยาว กล้าเสี่ยง รู้ลิมิตตัวเอง เลือกสินทรัพย์ตามเทรนด์ ให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงาน
หากไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง “มนุษย์เงินเดือน” จงจำไว้ ทุกอย่างให้เป็น “อัตโนมัติ”
- หักบัญชีเงินเดือน ลงทุนต่อเนื่อง ผ่านหุ้น หรือ กองทุนรวม
- ทบทวนพอร์ตลงทุนทุกครึ่งปี ดีไปต่อ-แย่คิดใหม่ ถ้าไม่ใช่ก็ปรับเปลี่ยน
- รายได้เพิ่ม ลงทุนเพิ่ม// มีโบนัส ลงทุนเพิ่ม// ภาระลด ลงทุนเพิ่ม// ไม่มีอะไร ก็ลงทุนเพิ่ม
เป้าหมายชัด ลงทุนตามแผน ทำให้เป็นอัตโนมัติ
ทำได้แบบนี้ก็ไม่ต้อง “เสียใจ” หรือ “เสียดาย” อีกต่อไป ^__*