ภายใต้งบลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐ 2.25 ล้านล้านดอลลาร์ หนึ่งในนั้นเป็นแผนการเร่งติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตให้ครอบคลุม ซึ่งอนาคตของเรื่องนี้ก็คือ “5G”
Qorvo ถือเป็นผู้นำธุรกิจผลิตชิป Radio Frequency (RF) ซึ่งเราใช้มันทุกวันและอยู่ใกล้ตัวมาก ตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อ WiFi, Bluetooth หรือสัญญาน Internet ที่ใช้ในมือถือ ทั้งหมดล้วนมีชิป RF อยู่เบื้องหลัง ถ้าให้พูดง่าย ๆ “การเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้งหมด (Wireless)” ต้องใช้ชิป RF เป็นหลัก
Qorvo มีรายได้ 70% มาจากการขายชิปที่ใช้ในอุปกรณ์ Electronic พื้นฐานรอบตัวเรา เช่น มือถือ โน้ตบุ้ค และเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่ม IoTs ที่ต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น
ขณะที่รายได้อีก 30% มาจากกลุ่มผู้ติดตั้งเสาสัญญานที่กำลังจะเติบโตเร็วมากในปี 2021 จากการเร่งขยาย 5G ทั่วโลก
ถ้าคุณกำลังอ่านโพสต์นี้จากมือถือผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย แน่นอนว่าภายในจะต้องมีชิป RF อยู่ แล้ว Qorvo เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งลูกค้าแบรนด์มือถือทั้งหมด (Apple, Samsung, Xiaomi, Oppo, Vivo) เป็นลูกค้าของ Qorvo และเป็นกลุ่มที่จะโตเร็วมากในช่วง 2 ปีต่อจากนี้
เนื่องจากมือถือทุกเครื่องที่จะรองรับ 5G ได้ต้องติดตั้งชิป RF รุ่นใหม่ และจากการคำนวณของเราพบว่ามันจะแพงกว่าชิป RF ใน 4G ถึง 30% แสดงให้เห็นว่ามือถือรุ่นใหม่ที่โฆษณาว่ารองรับ 5G ได้ เป็นเงินของ Qorvo ทั้งนั้น (ข่าวเปิดตัว Xiaomi Mi 11 Lite, Pro, Ultra นี่คือแหล่งรายได้ทั้งนั้น)
นอกจากนี้ถ้าไปดูนโยบายประเทศใหญ่ ๆ เราจะเห็นว่าระบบ 5G กำลังถูกเร่งติดตั้ง โดยเฉพาะสหรัฐที่ Joe Biden ประกาศแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ารวม 2.25 ล้านล้านดอลลาร์ออกแล้ว
ขณะที่ จีน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เตรียมอนุมัติงบประมาณขนาดใหญ่เช่นกัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลุดจากวิกฤตโควิด โดยส่วนหนึ่งจะถูกนำมาสร้างเสาสัญญาน 5G เพื่อนำไปต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตอย่างรถยนต์ไร้คนขับ, Smart Factory, AR, VR ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทุกประเทศต้องเร่งติดตั้งถ้าไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
(ไทยก็เริ่มประมูลคลื่นกันแล้วนะ)
Qorvo มีคู่แข่งโดยตรงอีก 2 เจ้าคือ Qualcomm (NASDAQ: QCOM) และ Skyworks Solutions (NASDAQ: SWKS) โดยทั้งหมดกำลังได้ประโยชน์จากเทรนด์ 5G ส่งผลให้หุ้นขึ้นมายกแผง (แต่ Qualcomm ติดปัญหาตรงผลิตชิปไม่ทัน)
ย้ำอีกทีว่า “การใช้งาน 5G เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน” ซึ่งมือถือจะเป็นอุปกรณ์ที่ได้ใช้แรก ๆ (ตัวอย่างง่ายสุดคือเราจะมี Data รายเดือนเพิ่มขึ้นอีกเยอะ) ถัดมาก็จะเริ่มนำ 5G ไปใช้ในเทคโนโลยีที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การขนส่งสินค้าด้วย Drone หรือ รถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งต้องการการรับส่งข้อมูลที่แม่นยำมาก ยิ่งเป็นผลดีต่อชิป RF เช่นกัน
BottomLiner
ช่วยเพจเราแชร์โพสต์ดี ๆ ด้วยเด้อออออ
ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/4405369689478131