หลังการรับตำแหน่ง CEO Intel คนใหม่ เขาได้สร้างเรื่อง surprise ให้อุตสาหกรรมชิป เมื่อประกาศตั้งแต่วันแรกว่า “Intel จะยังมุ่งมั่นให้บริษัทเป็นผู้ผลิตชิปอันดับ 1 ของโลกให้ได้” !!
ต้องย้อนเรื่องราวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากันก่อน
Intel ราวกับเล่นตลก CPU ที่เคยเป็นเบอร์ 1 ถูกคู่แข่ง AMD แย่งตลาดไปได้อย่างสนุกสนาน ด้วยการนำเสนอพลังประมวลผลสุดโหดแบบ Multi-Core ซึ่งทำให้ตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop) มีส่วนแบ่งแซง Intel ไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีชิปแบบอื่น Intel ถือว่าเลวร้ายมาก ตัวอย่างเช่น ชิป 5G Modem ที่จับมือพัฒนาร่วมกับ Apple ก็ล่มไม่เป็นท่าไม่สามารถผลิตชิปมาใช้งานได้จริง ซึ่งสุดท้าย Intel ต้องยอมขายธุรกิจนี้ถูก ๆ ให้ Apple ไปพัฒนาต่อคนเดียว
เกร็ดความรู้: Apple กลับไปง้อขอซื้อชิป Qualcomm (คู่อริในอดีต) มาใช้ใน iPhone 12 ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่แพงที่สุดของมือถือ 5G
ทางด้านภาคการผลิตที่มีคู่แข่งหลักคือ TSMC กับ Samsung สองบริษัทยักษ์ภูมิภาคเอเชีย ฝั่ง Intel ก็ค่อนข้างสาหัส เนื่องจาก Intel ประกาศจะผลิตชิปขนาด 10 nm ให้ได้ตั้งแต่ปี 2016 แต่เจอโรคเลื่อนเล่นงานมาตลอด เพิ่งทำได้จริงในปี 2019 ซึ่งผลิตได้น้อยกว่าคาดด้วย
ล่าสุดโรคเลื่อนก็ยังเล่นงานไม่เลิก ประกาศเลื่อนแผนเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ 7 nm ไปที่ปี 2023
เกร็ดความรู้: ขนาดชิปในปัจจุบันค่อนข้างเป็นการเล่น marketing โดยความจริงแล้วชิปขนาด 7 nm ของ Intel เทียบได้กับ 5nm ของ TSMC เท่ากับว่าเทคโนโลยี Intel จะช้ากว่าราว 3 ปี (ใน case ที่ไม่เลื่อนออกไปอีก)
กลับมาที่ไฮไลท์ในปัจจุบัน
สถานการณ์ Intel ตอนนี้คือ CEO ประกาศเตรียมลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานผลิตชิปรุ่นใหม่ และจะทำตัวเป็น Foundry รับจ้างบริษัทอื่นผลิตด้วย ชนกับ TSMC, Samsung โดยตรง !!
โดยหนึ่งในเบื้องหลังที่ทำให้ Intel กล้าลุยต่อเพราะรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มจะอนุมัติงบประมาณอุดหนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปในประเทศ ภายใต้ชื่อ “CHIPS for America Act” ที่คาดว่าให้งบฟรี 40% ของเงินลงทุนสำหรับโรงงานใหม่ในสหรัฐ (เข้าทาง Intel เต็ม ๆ)
แต่ประเด็นอยู่ที่ Intel จะหาลูกค้ามาจ้างเหมือน TSMC ได้หรือไม่ ?!
เงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ถือว่าลงทุนใหญ่มาก ดังนั้นบริษัทต้องหาลูกค้ามาให้ได้เยอะ ๆ แต่ปัญหาคือ Intel มีสินค้าในเครือตัวเองหลากหลายโดยเฉพาะชิปคอมพิวเตอร์ (CPU, GPU, FPGA มาครบ) จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่คู่แข่งจะยอมมาจ้างง่าย ๆ (กลัวโดนลอกเทคโนโลยี) หรือถัดไปอย่างชิปในรถยนต์ Intel ยังมีบริษัทลูกชื่อ Mobileye ที่เป็นสร้างชิปสำหรับ Self-driving car (บริษัทดีไซน์ชิปรถยนต์ก็อาจเลี่ยง ๆ ไม่จ้าง)
เกร็ดความรู้: ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วว่า Samsung ที่มีแบรนด์มือถือของตัวเอง ทำให้ Apple เลือกหันไปซบ TSMC ผลิตชิป iPhone ให้แทน
ดังนั้นส่วนที่ Intel มีลุ้นหน่อยก็คือชิปมือถือที่ไม่ได้มีสินค้าของตัวเอง (เคยทำแต่ล่มอีกนั่นแหละ) ซึ่ง Apple หรือ Qualcomm อาจสนใจ แต่ทั้งคู่ต้องการชิปที่ไฮเทคที่สุด ซึ่งปัจจุบัน Intel ยังไม่สามารถผลิตได้
เรียกได้ว่าอนาคตค่อนข้างคลุมเครือ ถ้าสุดท้ายแล้ว Intel ทำไม่สำเร็จ (ไม่ว่าจะผลิตชิปรุ่นใหม่ไม่ได้หรือหาลูกค้าไม่ได้) ย่อมเป็นการละลายเงิน 2 หมื่นล้านทันที แต่ถ้าทำได้สำเร็จเราอาจเห็นหุ้น Intel กลายเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าสุดยอดหุ้น Turnaround (และ CEO ก็คงดังสุด ๆ)
หนึ่งในตัวแปรที่เราอาจไม่สามารถตัด Intel ออกจากการแข่งขันได้ก็เพราะรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มจะทำทุกทางเพื่อให้ชิปรุ่นใหม่ต้องถูกผลิตโดยบริษัทสหรัฐ (หรืออย่างน้อยก็ในดินแดนสหรัฐ)
ที่แน่ ๆ เหล่าโรงงานขายเครื่องจักรยิ้มกว้างเลย (ASML, LRCX, AMAT, KLAC)
BottomLiner
ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/1366426383372492/posts/4382633801751720/