บริษัทประกาศรายได้ไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น +54% YoY อยู่ที่ 89,580 ล้านดอลลาร์ รายได้ฝั่ง Product สูงขึ้น +62% ส่วนในฝั่ง Services ก็ไม่แพ้กันโต +27% รวมทั้ง EPS อยู่ที่ 1.4 ดอลลาร์ (Consensus 0.98)
เรามาทำความเข้าใจหุ้น แบบไม่เพ้อฝัน ตรงไปตรงมา ผ่านรายได้ของ Apple เพราะบริษัทใหญ่ขนาดนี้ ธุรกิจใหม่ ๆ กว่าจะ impact งบได้ ต้องใช้เวลา
รายได้ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก
ส่วนแรก Product ประกอบด้วย
iPhone เป็นส่วนที่มีรายได้มากที่สุด (54% ของรายได้ทั้งหมด)
Mac (10%)
iPad (9%)
Wearables, Home และ Accessories (9%) รายได้ของ Apple Watch, AirPods และ Beats จะถูกบันทึกในส่วนนี้
ส่วนที่สอง Services
รายได้ฝั่งนี้จะประกอบด้วยการทำธุรกรรมต่าง ๆ และการสมัครสมาชิกแบบ Subscription ที่เกิดขึ้นผ่าน App Store, Apple Care, Apple Pay, Apple TV+ และ Apple Music
รายได้ของ Apple
FY 2018 : 265,595 ล้านดอลลาร์
FY 2019 : 260,174 ล้านดอลลาร์
FY 2020 : 274,515 ล้านดอลลาร์
ราคาหุ้นของ Apple อยู่ที่ 134 ดอลลาร์ และ Market Cap สูงถึง 2.26 ล้านล้านดอลลาร์
S Curve ที่สำคัญของบริษัท
ขอแบ่งรายได้หน่อยนะ ไหน ๆ คุณก็อยู่บน Ecosystem ของเรา …
Apple กำลังดันรายได้ในรูปแบบ Subscription เช่น Apple Care, Apple TV และยังเก็บ 30% ของรายได้ที่เกิดจาก App Store (หากคุณซื้อไอเทมในเกม รายได้นั้นจะต้องแบ่งให้ Apple 30%) เมื่อยอดขาย iPhone เริ่มเข้าสู่ทางตันด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าบางกลุ่มได้ และ Product Life Cycle ก็นานขึ้นด้วย เพราะเป็นการแก้ปัญหา iPhone ขายมากขึ้นกว่านี้ไม่ค่อยได้และขึ้นราคาก็ไม่ดี ทำให้บริษัทหันมาดันรายได้ทางฝั่ง Services แทน
Apple Car
ขึ้นชื่อว่า Apple ทำอะไร คนก็ซื้อ ดังนั้นหาก Apple Car สามารถผลิตและใช้งานได้จริงจะทำให้เหล่าสาวกซื้อมาใช้อย่างไม่ลังเล แต่ความเป็นไปได้ก่อนยังไม่ชัดเจน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าว Apple เตรียมจับมือกับ Hyundai และ Kia เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ แต่ดีลนี้ได้ล่มไปแล้ว ก็ต้องรอดูว่า Apple จะหา Partner เพื่อมาช่วยพัฒนา Apple Car ให้เกิดขึ้นได้จริงไหม
Chip M1
Mac และ iPad เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากจากล็อกดาวน์ เนื่องจากเกิดปรากฎการณ์ Work from home และ Learn from home กันแทบจะทั้งโลก หากคุณคิดว่า effect ตรงนี้จะหมดไป คุณคิดถูก แต่ทาง Apple ได้ปฏิวัติวงการ ด้วยการ เปิดตัว Chip M1 โดยไม่ต้องพึ่งพา Intel และ AMD อีกต่อไป !!
M1 ที่เพิ่งเปิดตัวทำให้ยอดขายไตรมาสล่าสุดโตกระฉูด และ Apple สร้างความตื่นเต้นให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก แถมยอดขายในจีนเติบโตสูงขึ้น +8.97% YoY และบอกได้เลยว่า คนรอ gen 2 อยู่อีกเยอะครับ
ความเสี่ยงที่น่าระวังหน่อย
Apple กำลังเริ่มถูกสอบสวนกรณีผูกขาดการแข่งขันและการค้า จากสมาชิกสว.ของสหรัฐ และประเด็นที่ถูกพูดถึงก็เป็นเรื่องส่วนแบ่ง 30% จากรายได้การขายของบน App Store โดยผู้บริหารของ Spotify Tinder และ Tile เป็นผู้ขึ้นให้การในมุมมองที่ถูกเอาเปรียบ
ก่อนหน้านี้ Apple ก็เคยถูกฝรั่งเศสปรับเงินไปราว ๆ 1,200 ล้านดอลลาร์ จากประเด็นผูกขาดทางธุรกิจโดยถูกจับได้ว่าไปเจรจากับตัวแทนจำหน่ายเพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันเรื่องการตั้งราคาทำให้คู่แข่งรายอื่นและผู้บริโภคเสียประโยชน์
และมีความเสี่ยง de-rating valuation หาก maintain growth ไม่ได้ (เดิม เทรดแถว PE 10x กว่า ๆ อยู่พักใหญ่)
BottomLiner
ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/4488740991141000
อ่านบทความชุด มนต์ขลัง FANGMAN หมดแล้วจริงหรือ? ตอนก่อนหน้า
มนต์ขลัง FANGMAN หมดแล้วจริงหรือ? EP 1: Google ผู้เป็นอาจารย์ของคนทั้งโลก
มนต์ขลัง FANGMAN หมดแล้วจริงหรือ? EP2: Microsoft เจ้าพ่อธุรกิจแพลตฟอร์มระดับโลก
มนต์ขลัง FANGMAN หมดแล้วจริงหรือ? EP3: Facebook โซเชียลเน็ตเวิร์คที่เชื่อมคนทั้งโลก