ตกรถ AOT ไทย ..ลองดู AOT จีน สนามบินปักกิ่ง BCIA

BEIJING Capital International Airport (BCIA) … AOT แห่งเมืองจีน

พูดถึง AOT แห่งเมืองจีน ทุกท่านคงว้าวในใจ เพราะจีนนั้นประชากรเยอะเหลือเกิน แค่ฟังชื่อเราก็อยากจับจองเป็นเจ้าของกันหลายคน

AOT โดยให้ผลตอบแทนในปีนี้แล้ว 29.6% ซึ่งได้อานิสงค์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในประเทศไทยอย่างมหาศาล แน่นอนว่าสนามบินจีนก็ได้รับประโยชน์จากการที่คนจีนมีรายได้มากขึ้น และมีการออกมาท่องเที่ยวและทำธุรกิจในต่างแดนเช่นเดียวกัน

BCIA ตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนแล้วถึง 48% แต่ที่สำคัญ ดูเหมือนมูลค่าจะดึงดูดนักลงทุนพอสมควร เพราะว่ามีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) คิดเป็นเพียงประมาณ 1 ใน 3 ของ AOT

Catalyst หรือสิ่งที่เร่งให้มันวิ่งแรงขนาดนี้ คือมี growth อีกมหาศาล ล่าสุดพึ่งซื้อเครื่องบิน Airbus ไปอีก 140 ลำ ทาง BOEING เองก็คาดว่าใน 20 ปีจะโกยเงินจากจีนได้ถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการขายเครื่องบิน 6800 ลำ

BCIA มีความคล้ายคลึงกับ AOT แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะพูดถึงเรื่อง Passenger mix กันก่อน

BCIA VS AOT.png

เนื่องจากปักกิ่งนั้นเป็นเมืองหลวงที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีประชากรมากถึง 21.7 ล้านคน เป็นศูนย์กลางการปกครองของจีน เป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่ๆมากมาย นับว่าเป็นเมืองที่บริษัทใน Fortune Global 500 ตั้งสำนักงานใหญ่มากที่สุดในโลก ทำให้สนามบินปักกิ่งมีการจราจรที่ค่อนข้างคับคั่ง

จากข้อมูลของ Airport Coucil International (ACI) ในปี 2016 สนามบินปักกิ่งแห่งนี้ถือว่ามีผู้โดยสารผ่านเข้าออกมากเป็นอันดับสองของโลก และเป็นที่ 1 ในเอเซีย โดยมีผู้โดยสารผ่านเข้าออกทั้งปีทั้งสิ้น 94.4 ล้านคน ในขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิของเราอยู่ในอันดับที่ 20 มีผู้โดยสารทั้งสิ้น 55.9 ล้านคน แต่หากรวมสนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT นั้นจะอยู่ที่ 119.9 ล้านคน

หากมาดูสัดส่วนของผู้ใช้สนามบินของทั้งสองแห่ง เราจะเห็นความแตกต่างของผู้โดยสารพอสมควร

จากกราฟจะเห็นว่าผู้ใช้สนามบินปักกิ่งส่วนใหญ่นั้นเป็นคนในประเทศกว่า 74% ขณะที่ AOT นั้น มีผู้โดยสารที่เป็นบินระหว่างประเทศมากถึง 57%

หากจะเทียบกันแล้ว ความสามารถในการทำกำไรของ AOT จะสูงกว่า BCIA พอสมควรเพราะ

  1. ค่าธรรมเนียมและค่าดำเนินการที่เที่ยวบินระหว่างประเทศต้องจ่ายให้สนานบินนั้นสูงกว่าเที่ยวบินในประเทศ
  2. นักท่องเที่ยวหรือ ผู้โดยสารระหว่างประเทศเท่านั้นที่สามารถซื้อของ Duty Free ได้ ซึ่งงานนี้ AOT จะได้ส่วนแบ่ง 20%
  3. AOT นั้นมีหลายสนามบิน ในขณะที่ BCIA เป็นสนามบินเดียว และยังเป็นกรุงปักกิ่ง ซึ่งจะเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศน้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม Capital Airport Holding (CAH) ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐจีน ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BCIA กำลังดำเนินการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ชื่อ Beijing Daxing International Airport ที่อยู่ห่างสนามบินเดิมไป 67 กิโลเมตร และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 72 ล้านคนต่อปี คาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการได้ในปี 2019

ในมุม ความถูกแพงบ้าง

  • AOT นั้นถูกเทรดที่ P/E กว่า 36.6 เท่า
  • BCIA ถูกเทรดอยู่ที่ระดับ 26 เท่า

ก็คงจะเพราะ

  1. ความแตกต่างด้านความสามารถทำกำไร
  2. กระแสการเล่นหุ้น ของคนไทยที่แรงมาก ในขณะที่จีนนั้นซาไปแล้ว จึงทำให้ valuation ไม่สูงนัก
  3. ยิ่งมีการเปิด phase ใหม่ๆของ AOT ทำให้ตลาดคาดหวังนำไปก่อน

Bottom line – บทสรุป

มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ตลาดการบินพลเรือนในจีนจะแซงหน้าอเมริกาเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่ง BCIA ก็เป็นผู้หนึ่งที่จะได้รับประโยชน์แน่นอน เพราะปริมาณผู้โดยสารนั้นล้นหลามเหลือเกิน

และหากว่าจีนสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวในละแวกปักกิ่งได้มากกว่านี้ ก็มีโอกาสที่ BCIA จะได้ผู้โดยสารระหว่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การทำกำไรของ BCIA ดีขึ้นไปอีก เป็น growth story 2 เด้ง

ใครที่สนใจ ก็สามารถซื้อหุ้นตัวนี้ได้ที่ตลาดฮ่องกงครับ … (โดยเฉพาะคนที่ตกรถ AOT แต่อยากได้มากๆ พอหาทดแทนได้ระดับหนึ่ง ก็ตัวนี้ครับ  ไม่งั้นก็ต้องไป เวียตนามแทน แต่ก็จะไม่ได้สนามบินเกือบทั้งประเทศแบบ AOT)

BottomLiner


ติดตาม BottomLiner ทาง Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/bottomliner/
หรือติดตาม BottomLiner ทาง line คลิ๊ก https://line.me/R/ti/p/%40bottomliner
หรือกดเพิ่มเพื่อน ค้นหา id แล้วพิมพ์ @bottomliner (ใส่ @ ด้วยครับ)