Amazon คือตำนานหุ้นเทคโนโลยีที่เป็นต้นตำรับของหุ้นที่ขึ้นทั้ง ๆ ที่ขาดทุนตลอดปีตลอดชาติ เพิ่งมามีกำไรช่วงหลัง แต่ยังคงมี PE ที่หลัก 100
โดยในช่วงหลัง นับตั้งแต่ปี 2012 ที่หุ้นออกทะยานจาก $172 มาจนปลายปี 2018 พักที่ราคาช่วง $1700 จากสงครามการค้า PE ของ Amazon ก็พุ่งทะยานเช่นกันจาก <100 เป็น 200 300 3000 จนไม่มี PE เลย ก่อนจะกลับมายืน PE ต่ำกว่า 100 ได้ในปลายปี 2018
เป็นตำนานให้กล่าวขาน เวลาซื้อหุ้นเทคที่ไม่มีกำไร ผู้คนมักจะกล่าวอ้างว่า we’re finding the next Amazon
หลายท่านอาจจะทราบแล้ว Amazon นั้นครองธุรกิจที่น่าสนใจที่สุดในยุคสมัยนี้ถึง 4 ธุรกิจด้วยกัน คือ
1. E-Commerce สั่งซื้อของแสนถูก ขนส่งว่องไว
2. AWS Platform ให้บริการ cloud services เกือบทั้งหมดที่คุณจะนึกออก
3. Video On Demand
4. Digital Advertising
และรู้หรือไม่ !? ว่าในสมัยที่หา PE ไม่ค่อยเจอนั้น AWS นั้นทำรายได้เพียงประมาณ 20% ของรายได้ทั้งหมด แต่ กลับสร้าง Operating income ให้บริษัทได้ถึง 80%
ในขณะที่ E-Commerce นั้นมีกำไรจากการดำเนินงานเพียง 20% เนื่องจาก มีการแข่งขันที่สูง และยังต้องทุ่มกับค่าใช้จ่ายเพื่อให้ไร้เทียมทานไปเรื่อย ๆ อีกทั้งยังขยายตลาดไปนอกสหรัฐ
ในอดีตเรียกได้ว่า ทุก ๆ ครั้งที่ทำท่าเหมือนจะมีกำไร บริษัทก็จะทุ่มงบจนมันกลับไปขาดทุนอีกครั้ง หรือแทบไม่เหลือกำไรอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนหลายคนลืมไปแล้วว่ามีธุรกิจนี้ และตัดออกจากการทำ valuation ไปเลยสำหรับบางคน
บ้างใช้หลักการ sum of the part … ส่วนมากก็จะให้มูลค่า AWS สูงที่สุด เช่น Morningstar estimates ให้ ประมาณ 50%-60% ของมูลค่า Amazon กันเลยทีเดียว
แต่ …. มันกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว !!! เพราะตั้งแต่ยุค covid-19 ได้เข้ามาผลักดันตลาด e-commerce ให้สดใส เรามาไล่เสือไปตามความง่วงนอน จากน้อยไปมาก
เสือซุ่มตัวที่ 1 คือ E-Commerce มีกำไรกับเขาเสียที
ปัจจุบัน (2Q20 TTM) Amazon มีรายได้จาก North America 62%, International 26% และรายได้จาก platform AWS 12% (เค้า report เป็น geography และนำพวก amazon prime / video ไปรวมกับ e-commerce ทำให้เราไม่เห็นรายละเอียด)
และใน 2Q20 นั้นสัดส่วน operating income จากธุรกิจ E-Commerce นั้นเพิ่มมาเป็น 42.5% โดย ฝั่ง International ในที่สุดก็มีกำไรกับเค้าบ้าง !!
และอานิสงส์ของ covid-19 ยังดันยอดขาย เติบโต 40% นิด ๆ ทั้ง North America และ international ทำให้บริษัทได้ economy of scale ไปโดยปริยาย แม้ operating margin จากการขายของเค้านี่ไม่ถึง 5% (TTM หากรอดูเลขยุค covid คงจะดีขึ้น)
เสือซุ่มตัวที่ 2 คือ Digital Advertising
เติบโตไปตาม covid ดีอย่างไร เรากั๊กไว้ก่อน เดี๋ยวเนื้อหาเยอะไป
เสือตัวที่ 3 ยังหลับอยู่ คือ คือ Amazon Prime & Prime Video
Amazon Prime คือ premium member ที่ได้สิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมาย กลุ่มนี้แหละ ซื้อไม่บันยะบันยัง มากขึ้นเยอะหลัง covid-19
Amazon Prime Video นั้นให้สิทธิ์แก่ prime member หรือสามารถสมัครแยก prime video ก็ได้ (ซึ่งถูกกว่าในหลายตลาด) เมื่อช่วงต้นปี Jeff ได้ประกาศว่ามี Subscriber รวมถึง 150 ล้านคนแล้ว ซึ่ง Amazon Prime Member นั้นตกหัวละ $119 ต่อปี หรือ $12.99 ต่อเดือน ลองคูณเลข แล้วคุณจะตกใจ
และตอนนี้ก็ควรจะมากกว่านั้น หากดูจากแบบสำรวจของ Kantar จะพบว่า สัดส่วนผู้สมัคร SVoD ใน 2Q20 เพิ่มขึ้น 9.1% ในสหรัฐฯ และหากดูสัดส่วนของผู้สมัคร SVoD Amazon Prime นั้นเพิ่มจาก 14.1% ใน Q1 เป็น 22.2% ใน Q2 ในขณะที่ Netflix นั้นใกล้คงเดิมที่ 15.1% และ Disney+ ลดลงกว่าครึ่ง จาก 30.9% เหลือ 13.3%
และแน่นอนว่า Amazon ทำ data จัดเต็มเพื่อเสิร์ฟให้กลุ่มนี้ใช้จ่ายอย่างสนุกสนานต่อไปครับ เราอาจเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Amazon Prime
ด้านนักวิเคราะห์บางรายประเมินมูลค่า Amazon Prime สูงถึง $200bn มันเหมือนมีบริษัท Netflix อยู่ในบริษัท Amazon เลยก็ว่าได้ ที่ผ่านมา Amazon ยังไม่ได้หยิบเรื่องนี้มาเป็นสตอรี่หุ้น แต่พลางไว้ในงบ จนนักลงทุนหลายท่านเชื่อว่าส่วนนี้ยังไม่กำไร
เสือทั้ง 4 ตัวกำลังช่วยดันฝายน้ำล้น สมทบกับเครื่องจักรผลิตกำไรของ AWS ผลักเม็ดเงินให้พ้นสันเขื่อนต้นทุน เข้าสู่กำไร
แค่นั้นไม่พอ ในปีนี้ มีการขยายเวลาตัด depreciation ของ data center server จาก 3 ปี เป็น 4 ปี .. ส่งผลให้อยู่ดี ๆ ก็มีกำไรจากส่วนนี้เพิ่มขึ้น $2.3bn ในปี 2020
ส่งผลให้ตลาดมอง EPS Growth เติบโตเฉลี่ย 40% กันเลยทีเดียวในอีก 3 ปีข้างหน้า เราจะมี surprise กันอีกหรือไม่ ลองเปิดดู earning, revenue revision แล้วจะตกใจ เพราะมันขึ้นน้อยเทียบกับหุ้นตัวอื่น
และในปัจจุบันที่ราคาแถว ๆ $3450 PE ได้กลับมาทะลุเกิน 100 เท่า อีกครั้ง หรือจะเป็นสัญญาณครั้งถัดไป?
BottomLiner
ที่มาบทความ: https://bottomliner.co/stock/amazon/