ตีกราฟกองทุนแบบกราฟหุ้นได้หรือไม่

คนที่สนใจการลงทุนคงไม่มีไม่รู้จักกราฟ เชื่อว่าทุกคนต้องผ่านกราฟอะไรซักอย่างมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่กราฟแต่ละอย่างมันเหมือนกันหรือเปล่า อินดิเคเตอร์ต่างๆ การตีกราฟต่างๆ สามารถใช้กับทุกกราฟได้เหมือนกันมั้ย บทความนี้จะมาตอบข้อสงสัยกันให้แจ่มแจ้งครับ

ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเป็นกราฟใกล้ตัวคือ กราฟกองทุน กับ กราฟหุ้น ส่วนพวกกราฟ Index, Commodities, Forex, ETF ขอยังไม่พูดถึงนะครับ

ความแตกต่างระหว่างราคากองทุนกับราคาหุ้น

ก่อนจะไปถึงคำตอบว่าตีกราฟได้หรือไม่ได้ ขอเล่าเรื่องความแตกต่างของราคาที่ปรากฏบนกราฟกองทุนและกราฟหุ้นก่อน ส่วนถ้าใครอยากได้คำตอบไวๆ ว่าตีกราฟได้ไม่ได้ ไถไปอ่านด้านล่างก่อนได้เลยครับ

ราคากองทุน

ราคากองทุนอย่างที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว จะบอกเป็นหน่วยของ NAV ซึ่งจุดประสงค์ของราคา NAV มีไว้สำหรับตีมูลค่ากองทุนเพื่อให้ง่ายต่อการซื้อขาย สำหรับการคำนวณ NAV คำนวณได้จาก มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนด้วยจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด หรือดูจากสูตรด้านล่างนี้ครับ

graph-mutual-fund-vs-stock-1

ข้อสังเกตก็คือ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่เป็นตัวใช้คำนวณค่า NAV เนี่ย มันรวมหลายสิ่งหลายอย่างเข้าไปในนั้น ทั้งการลงทุนที่กองทุนนั้นๆ เอาไปลง เงินสดที่ถืออยู่ในมือ แล้วก็หักลบออกจากหนี้ระยะสั้น หนี้ระยาว อะไรอีกมากมาย แล้วถึงค่อยคำนวณออกมาเป็น NAV ตอนสิ้นวันให้เราได้เห็นกัน (ซึ่งตัวเลขเหล่านี้แต่ละกองทุนก็จะไม่เหมือนกัน เพราะลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน)

มันก็ฟังดูสมเหตุสมผลว่า ถ้า NAV สูงขึ้น แสดงว่าการลงทุนที่กองทุนนั้นเอาไปลงมันเติบโตขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วเราวิเคราะห์แบบนั้นไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกว่าในกองทุนมันเป็นส่วนผสมหลายอย่าง เราไม่รู้ว่าอะไรในกองทุนกันแน่ที่ทำให้กองทุนเติบโตขึ้น แถมกองทุนไม่ได้ลงทุนครั้งเดียวแล้วจบเลย กองทุนจะมีผู้บริหารกองทุนที่คอยทำ asset allocation อยู่ตลอดตามที่บอกไว้ในนโยบายการลงทุน เพราะฉะนั้นในจุดนี้ ราคา NAV อาจจะไม่ได้สะท้อนการเติบโตของการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่มันรวมฝีมือของผู้บริหารกองทุนเข้าไปในราคา NAV ด้วย

ดังนั้น การที่เราจะไปตีกราฟแนวโน้มราคากองทุน ใส่อินดิเคเตอร์บอกปริมาณการซื้อขาย อาจจะไม่เหมาะ เพราะข้างในกองทุนมันไม่ได้มีสินทรัพย์ชนิดเดียวที่บ่งบอกแนวโน้มได้ชัดเจน แต่ละสินทรัพย์อาจจะเติบโตสวนกันก็ได้ แถมผู้จัดการยังค่อยปรับเปลี่ยนการลงทุนตามสถานการณ์อีก ไส้ข้างในกองทุนเปลี่ยนตลอด ยิ่งทำให้การตีกราฟราคา NAV บอกอะไรเราแทบไม่ได้เลย

ราคาหุ้น

สำหรับราคาหุ้นจะแตกต่างจากราคากองทุนค่อนข้างมาก ข้อแรกที่เห็นชัดที่สุด คือ จำนวนหุ้นมีจำกัด ในขณะที่จำนวนหน่วยลงทุนกองทุนมีได้ไม่จำกัด การที่จำนวนหุ้นที่ซื้อขายกันมีจำกัด ทำให้ราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับ demand-supply ของตลาดเป็นส่วนใหญ่ การที่ราคาหุ้นแพงเป็นเพราะคนต้องการซื้อเยอะ ทั้งๆ ที่หุ้นตัวนั้นอาจจะไม่มีค่าอะไรเลยก็ได้

อีกข้อแตกต่างระหว่างกองทุนกับหุ้นคือ หุ้นสะท้อนราคาของสินทรัพย์เดียว ทำให้สามารถดูแนวโน้มการเติบโต แนวโน้มการชะลอตัว จากกราฟราคาหุ้นได้เลย ซึ่งจะแตกต่างกับราคา NAV ของกองทุนที่เป็นส่วนผสมของหลายๆ อย่างรวมกันอยู่ในนั้น

เกร็ดเพิ่มเติม 

คำถาม: ถ้าคนแห่มาซื้อกองทุนกองหนึ่ง ราคากองทุนนั้นจะดีดตัวขึ้นเหมือนหุ้นได้มั้ย?

คำตอบ: ไม่ การซื้อเยอะๆ ไม่ได้มีผลทำให้ราคาของกองทุนนั้นสูงขึ้น ถ้าสังเกตจากสูตรคำนวณ NAV การซื้อกองทุนก็เหมือนกับการเพิ่มเงินสดเข้าไปในกองทุน (เพิ่มตัวเศษ) และเพิ่มจำนวนหน่วยลงทุน (เพิ่มตัวส่วน) ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งสุดท้ายจะหักลบกันเองทำให้ราคา NAV เท่าเดิม

หรือลองคำนวณจากตัวเลขของกองทุนจริงๆ กันครับ

ยกตัวอย่างกองทุน TMBGOLDS ใช้ข้อมูลของวันที่ 2 มี.ค. 2020 ซึ่ง NAV เท่ากับ 10.7945 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 2,030,147,181 บาท คำนวณย้อนกลับมาเป็นจำนวนลงทุนทั้งหมดได้ 2,030,147,181 ÷ 10.7945 = 188,072,368.43 หน่วย

graph-mutual-fund-vs-stock-2

สมมติผมซื้อกองทุนนี้เพิ่มไปเลย 10 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นจำนวนหน่วยลงทุน 10,000,000 ÷ 10.7945 = 926,397.70 หน่วย แล้วลองคำนวณ NAV ใหม่หลังจากผมซื้อไปแล้วดู

จะเห็นว่า NAV ไม่ได้เปลี่ยน ถึงแม้ว่าจะซื้อกองทุนเพิ่มเข้าไปครับ

สรุปแล้วตีกราฟกองทุนได้มั้ย

เราไม่ควรตีกราฟกองทุนแบบกราฟหุ้น ด้วยเหตุผล 3 ประการตามความเห็นของผม คือ

  1. ราคา NAV ไม่ได้สะท้อน demand-supply ราคาสูงไม่ได้แปลว่าคนซื้อเยอะ ราคาต่ำไม่ได้แปลว่าคนขายเยอะ
  2. กองทุนลงในสินทรัพย์หลายตัวผสมกัน ซึ่งแต่ละตัวอาจจะไม่ได้ไปในแนวโน้มเดียวกัน วิเคราะห์ค่อนข้างลำบาก
  3. ผู้จัดการกองทุนจะปรับพอร์ตกองทุนตามสถานการณ์อยู่เสมอ ทำให้กราฟราคาไม่สามารถใช้วิเคราะห์ได้อย่างต่อเนื่อง

กรณียกเว้น

ถ้ากองทุนลงในสินทรัพย์ชนิดเดียว อย่างกองทุนทองหรือกองทุนดัชนี ก็อาจจะใช้การตีกราฟ NAV ช่วยวิเคราะห์ได้ (หรือจริงๆ ไปตีกราฟราคาทองหรือกราฟดัชนีเลยจะแม่นยำกว่า เพราะเป็นราคา real-time ส่วนราคากองทุนจะเป็นราคาอัปเดตตอนท้ายวัน)

ส่งท้าย: ถ้าไม่ให้ดูกราฟ แล้วให้ดูอะไร?

ดู “ผลการดำเนินงาน” และดู “นโยบายการลงทุน” เป็นหลักครับ การเติบโตของกองทุนจะขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้จัดการกองทุนเป็นหลัก ซึ่งจะสะท้อนอยู่ในผลการดำเนินงาน การบริหารความเสี่ยง หรือพวกค่า Max Drawdown อยู่แล้ว ส่วนการดูนโยบายการลงทุน ดูไว้เพื่อที่เราจะได้รู้ว่ากองทุนนี้เค้าโฟกัสในอุตสาหกรรมไหน และในตอนนี้อุตสาหกรรมนั้นเติบโตดีหรือไม่ จะได้เข้าได้ถูกจังหวะ นโยบายการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถึงผู้จัดการกองทุนจะเก่งแค่ไหน แต่ถ้ามันเป็นขาลงของอุตสาหกรรมนั้น ยังไงก็ต้านไม่ไหวครับ ขอให้สนุกกับการลงทุนทุกท่านครับ

เขียนโดย TUM SUPHAKORN

References:

1 https://www.finnomena.com/holyinvestor/what-is-nav/

2 https://www.investopedia.com/terms/n/nav.asp

3 https://www.investopedia.com/ask/answers/04/032604.asp

TSF2024