สำหรับในโลกยุคปัจุบัน 4.0 ที่มีการแข่งขันที่สูง ส่งผลให้บริษัทประกันชีวิตแต่ละแห่ง แข่งกันเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย จนผู้บริโภคเริ่มสับสนว่าจะเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรจะพิจารณาอย่างไร
นายพิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่ แอคชัวรี) นายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย จึงได้แนะนำวิธีการพิจารณาเลือกซื้อแบบการประกันชีวิตเพื่อให้ผู้ซื้อได้ประโยชน์สูงสุดควรพิจารณาจากปัจจัยหลัก 3 ข้อ ดังต่อนี้
- ตรวจเช็คสุขภาพทางการเงินของตนเอง ว่ามีทุนประกันอยู่เพียงพอที่จะให้คนข้างหลังได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ไม่เดือดร้อนทางการเงินได้นานกี่เดือนหรือกี่ปี
- มองหาแบบประกันที่ตรงกับช่วงจังหวะชีวิต เพราะแต่ละวัย ย่อมมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ให้มองถึงระยะเวลาของความคุ้มครอง พร้อมระยะเวลาในการชำระเบี้ย วางแผนล่วงหน้าว่าแบบประกันนี้ สามารถเลือกซื้อสัญญาเพิ่มเติมอะไรได้บ้าง
- ต้องการการันตีมากน้อย เพราะในปัจจุบันมีให้เลือกตั้งแต่แบบประกันทั่วไป (ที่บริษัทประกันภัยรับความเสี่ยงไว้เอง) แบบประกันยูนิเวอร์ซอลไลฟ์ (ที่บริษัทประกันภัยคอยประกาศจ่ายให้ Crediting rate เป็นระยะ) หรือแบบประกันยูนิตลิงค์ (ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนเองทั้งหมด) เป็นต้น
ประชาชนไม่ควรใช้อัตราผลตอบแทน (IRR) เพียงอย่างเดียว มาใช้ในการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เนื่องจากแบบประกันชีวิตแต่ละแบบมีส่วนผสมของความคุ้มครองที่ไม่เหมือนกัน เวลาที่นักคณิตศาสตร์ประกันภัยออกแบบผลิตภัณฑ์นั้น จะคำนึงถึงสัดส่วนของ การสะสมทรัพย์ กับ ความคุ้มครองชีวิต เป็นหลัก เช่น
เบี้ยประกันชีวิต 100 บาทที่ได้รับมานั้น สำหรับแบบประกันชีวิตของบริษัทหนึ่งอาจจะเป็นการสะสมทรัพย์ 80 บาท และความคุ้มครองชีวิต 20 บาท ส่วนสำหรับของอีกบริษัทหนึ่งอาจจะเป็นการสะสมทรัพย์ 70 บาท และความคุ้มครองชีวิต 30 บาท การที่ดูอัตราผลตอบแทน (IRR) เพียงอย่างเดียว จะบอกได้แค่ผลตอบแทนในส่วนของการสะสมทรัพย์เท่านั้น อีกทั้ง ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตบางแบบอาจจะมีส่วนผสมของเบี้ยประกันภัยในส่วนของการสะสมทรัพย์เพียงแค่ 10 บาท และเบี้ยประกันภัยสำหรับความคุ้มครองชีวิตถึง 90 บาทก็เป็นได้
ด้วยสัดส่วนที่แตกต่างกันเหล่านี้ จึงทำให้นำผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตต่างแบบมาเปรียบเทียบกันด้วย IRR อย่างเดียวไม่ได้ หรืออาจเทียบให้เห็นภาพเช่นเดียวกับกาแฟ ที่มีวิธีการปรุงหลายแบบ อาทิ ลาเต้ มอคค้า คาปูชิโน่ เอ็กเพรสโซ่ ต่างก็มีส่วนผสมของเนื้อกาแฟและนมที่แตกต่างกัน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ากาแฟที่ปรุงแบบไหนดีกว่ากัน
นอกจากนี้ เงินสดคืนของแต่ละแบบประกันชีวิตก็มีไม่เหมือนกัน บางแบบจ่ายก่อน บางแบบจ่ายหลัง บางแบบให้ฝากคืนกลับบริษัทได้ แต่บางแบบฝากคืนกลับไม่ได้ การคำนวณอัตราผลตอบแทน (IRR) นั้น มีข้อจำกัดตรงที่เป็นวิธีการที่สมมติว่าเงินสดคืนนั้นสามารถฝากกลับกับบริษัทได้ด้วยอัตราผลตอบแทนที่สูงแบบ IRR
ดังนั้น การคำนวณอัตราผลตอบแทน (IRR) มาใช้เปรียบเทียบจึงเป็นการพยายามเอาแอปเปิ้ลมาเปรียบเทียบกับส้ม ประชาชนไม่ควรลืมว่า การซื้อประกันชีวิตคือการการสะสมทรัพย์ที่มีความคุ้มครองไปด้วย บ่อยนักที่เราจะเห็นแบบประกันชีวิตที่มีอัตราผลตอบแทน (IRR) สูง แต่ให้ประโยชน์กับผู้เอาประกันภัยบางกลุ่มสู้แบบประกันชีวิตที่มีอัตราผลตอบแทน (IRR) รองลงมาแต่มีทุนความคุ้มครองชีวิตที่คุ้มค่ากว่าไม่ได้
ดังนั้น ในการเลือกซื้อประกันชีวิต ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เพราะทุกคนมีความเสี่ยง มีความต้องการ มีความมุ่งหวังที่แตกต่างกัน การวางแผนทางการเงินจึงอาจแตกต่างกัน และทุกแบบประกันชีวิตก็มีส่วนผสมที่ออกแบบมาเพื่อให้ลงตัวในแบบของมันเอง