ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงในเดือนธันวาคมหลังถูกกดดันจากหุ้นสหรัฐฯที่มีน้ำหนักมาก โดยฝั่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯเคลื่อนไหวในกรอบตลอดช่วงต้นเดือน ก่อนจะเคลื่อนไหวอย่างผันผวนหลังการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในช่วงปลายเดือน ทำให้ดัชนี S&P500 ปรับตัวลง -2.74% ขณะที่ Dow Jones ปรับตัวลงมากถึง -5.0% โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯถูกกดดันหลังการประชุม FOMC ประจำเดือนธันวาคมที่แม้คณะกรรมการจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.5% ตามที่คาดการณ์ แต่กลับส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในปี 2025 เหลือเพียง 2 ครั้งจากเดิม 4 ครั้งตามข้อมูล Dot Plot ทำให้หุ้นกลุ่มเติบโต อาทิ กลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมักทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงดอกเบี้ยขาลงถูกเทขายทำกำไรต่อเนื่องในสัปดาห์สุดท้ายของปีซึ่งสภาพคล้องเบาบาง อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกกับหุ้นสหรัฐฯเหลังจากที่ทรั้มป์กำลังจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เรามองว่านโยบายของทรั้มป์กลุ่มที่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจ เช่น กำแพงภาษีคู่ค้าหรือการขับไล่ผู้อพยพผิดกฎหมาย ทรั้มป์จะไม่สามารถดำเนินตามที่หาเสียงไว้อย่างเต็มรูปแบบโดยจะถูกลดทอนความก้าวร้าวลงโดย รมว. คลังคนใหม่ที่มีประสบการณ์จากตลาดทุนและนักการเมืองอาวุโสในรัฐสภา คงเหลือแค่นโยบายที่หนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอย่างเช่น การลดภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดการเงิน รวมถึงนโยบายเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานดั้งเดิมที่ช่วยลดเงินเฟ้อด้านราคาน้ำมันลง
ด้านแนวโน้มดอกเบี้ยในปี 2025 ที่อาจลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังเดิมไม่ได้สร้างความกังวลให้กับเรามากนัก โดยเรามองว่าตลาด Overreact ต่อการประชุม FOMC ประจำเดือนธันวาคมมากเกินไปเนื่องจากคาดการณ์ดอกเบี้ยตามราคา SWAP ในตลาดก่อนการประชุมไม่ได้แตกต่างจาก Dot Plot ในปี 2025 มากนัก นอกจากที่คณะกรรมการ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยลงตามที่ตลาดคาดการณ์ 0.25% แล้ว ถ้อยแถลงยังมีใจความที่ระบุว่า “เศรษฐกิจสหรัฐฯมีความแข็งแกร่ง การจ้างงานและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสมดุล และยังเห็นด้วยกับการปรับลดดอกเบี้ยต่อเพียงแต่ต้องใช้เวลาในการหาจังหวะเหมาะสมมากขึ้น” มากไปกว่านั้น Dot Plot ที่ตลาดกังวลยังถูกโหวตโดยคณะกรรมการทุกท่านทั้งที่มีสิทธ์และไม่มีสิทธ์โหวตอัตราดอกเบี้ย ซึ่งกรรมการที่มีท่าที Hawkish ในมุมมองของเรา เช่น N. Kashkari B.Hammack T.Barkin จะไม่ได้มีสิทธ์โหวตในปี 2025 ดังนั้นแล้วอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นมากถึง 37 bps ไปอยู่ที่ระดับ 4.57% ในเดือนธันวาคม จึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะสะสมตราสารหนี้โลกโดยเฉพาะกองทุนที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว ทั้งนี้เรายังชอบตราสารหนี้สหรัฐฯและ Credit Rating ระดับสูงจะเหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน
ในฝั่งของตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นสวนตลาดโลกในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมให้หลังการประชุมนโยบายการเงินของ BoJ ซึ่งคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 0.25% พร้อมกันกับที่ผู้ว่าฯ Ueda กล่าวว่า BoJ ต้องการติดตามข้อมูลค่าแรงแรงงานญี่ปุ่นและนโยบายการค้าของ ปธน. ทรั้มป์ก่อนจะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไป ทำให้นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกว่าญี่ปุ่นอาจชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปชั่วคราว ย่างไรก็ดีในมุมมองของเราค่อนข้างกังวลกับปัจจัย 3 ด้านที่อาจทำให้ผิดความคาดหวังของตลาดได้แก่ 1. เริ่มมีกรรมการ BoJ บางท่านโหวตให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเลยในเดือนธันวาคม 2. เงินเฟ้อประเทศที่เร่งตัวขึ้นในเดือน พ.ย. 3. รมว.คลังนาย K. Kato แถลงข่าวแสดงความกังวลว่าค่าเงินเยนถูกเก็งกำไรจนอ่อนตัวรุนแรงเกินไป เราจึงมองว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นเกินระดับ 40,000 จุดในเดือน ธ.ค. เป็นจังหวะขายทำกำไร คาดว่าญี่ปุ่นจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบตลอดช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นในปี 2025
ภูมิภาคเอเชียและประเทศกำลังพัฒนาเคลื่อนไหวอย่างผันผวนไปต่างทิศต่างทางโดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ลดลงช้าของสหรัฐฯ ร่วมกับการเก็งประเทศที่จะได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบจาก ปธน. คนถัดไปอย่างนายทรั้มป์ ในเรื่องกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจีนซึ่งมีน้ำหนักของตลาดหุ้นเป็นอันดับต้นๆของภูมิภาค ในฝั่งเอเชียหากไม่นับประเทศจีน ดูเหมือนจะมีทิศทางที่ดีกว่าเนื่องจากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในหลายประเทศใหญ่อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ ซึ่งอาจทนทานกับภาวะดอกเบี้ยที่ปรับตัวลงช้าได้ในระยะสั้น นอกจากนั้นหลายประเทศเป็นคู่ค้าเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ ที่ต้องการขยายอำนาจมายังเอเชีย เช่น อินเดีย อินโนนีเซีย เวียดนาม เราจึงยังมีมุมมองเป็นกลางกับกลุ่มประเทศเอเชีย แนะนำถือครองการลงทุน ขณะที่ประเทศที่เรามองว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่งและจะเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลชุดใหม่คืออินเดียกับอินโดนีเซีย ในฝั่งของอินเดียยังมีตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและเริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นใน 4Q/24 แต่ระดับราคาที่ตึงตัวมากขึ้นทำให้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรอยู่เป็นระยะอย่างที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงเดิม ขณะที่ในฝั่งของอินโดฯเคลื่อนไหวผันผวนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาหลัง ปธน. ปราโบโว คนใหม่ที่เข้าบริหารประเทศในเดือน ต.ค. เน้นการออกนโยบายสร้างเสถียรภาพการคลังก่อน ซึ่งเราเชื่อว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมจะยังถูกนำมาใช้ในปีถัดไป เราคาดว่าตลาดหุ้นทั้งสองประเทศเอเชียจะมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นในปี 2025 แต่ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนคุ้มค่าความเสี่ยง แนะนำให้น้ำหนักมากกว่าตลาดและเน้นถือลงทุนระยะยาว
ภาพรวมการลงทุนประจำเดือนมกราคม 2025 คาดว่าตลาดหุ้นโลกจะเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นหลังนักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดจากเทศกาลหยุดยาว เพื่อเก็งกำไรทั้งแนวโน้มการดำเนินนโยบายที่ก้าวร้าวของทรั้มป์ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 20 ม.ค. ร่วมกับแนวโน้มดอกเบี้ยของหลายประเทศใหญ่ที่ยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอินเดีย โดยเรามองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯอาจเป็นตลาดเดียวที่เคลื่อนไหวในแดนบวกเนื่องจากคาดว่านโยบายของทรั้มป์จะส่งผลเป็นบวกสุทธิกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นไปที่เหนือระดับ 4.5% ในเดือนธันวาคมเป็นจังหวะที่ดีที่จะสะสมตราสารหนี้โลกโดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว
ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง วันที่ 3 มกราคม 2025
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ Finnomena สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) คลิกที่นี่เพื่อสร้างแผนการลงทุน
โปรดทราบ สำหรับลูกค้าฟินโนมีนาที่ลงทุนใน Finnomena Port และได้รับบทความนี้ แต่ยังไม่ได้รับอีเมลและ/หรือ Notificationในการแจ้งสัดส่วนเงินในการเข้าลงทุน อาจเกิดจาก
1) ท่านอยู่ระหว่างการทำรายการซื้อขายกองทุน ซึ่งทางฟินโนมีนาจะแจ้งเตือนอีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์หลังจากการทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้น 2) ท่านมีจำนวนเงินลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่แนะนำ หมายเหตุ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะรอรับการแจ้งเตือน ท่านสามารถดูรายละเอียดของพอร์ตการลงทุนที่แนะนำผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของฟินโนมีนาพร้อมปรับพอร์ตเข้าลงทุนได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID: @FINNOMENAPORT |
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนการลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299