FH ES

ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้น 3.77% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น 5.87% เป็นแรงหนุนหลักหลังจากนักลงทุนต่างโยกย้ายเม็ดเงินลงทุนกลับเข้าสู่สหรัฐฯหลังรับทราบผลการเลือกตั้ง ปธน. ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งพร้อมทั้งยังเกิด Red Sweep หรือการที่พรรค republican ได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของทั้งสภาล่างและสภาบน ทำให้นักลงทุนคาดว่านโยบายต่างๆของทรัมป์จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า เพิ่มกำไรบริษัทจดทะเบียนจากการลดภาษี และทำให้ประเทศคู่ค้าทั่วโลกเผชิญความเสี่ยงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์แม้แต่พันธมิตรกับสหรัฐฯ เอง

ในมุมมองของเรานโยบายสำคัญของทรัมป์ประกอบไปด้วยการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า ลดภาษีนิติบุคคล ขยายการลดหย่อยภาษีบุคคลธรรมดา ปราบปรามผู้อพยพเข้าประเทศผิดกฎหมาย และหนุนการผลิตพลังงานดั้งเดิมเต็มอัตรา ซึ่งนโยบายทั้งหมดตามที่หาเสียงจะก่อให้เงินเฟ้อและเศรษฐกิจร้อนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามเรามองว่านโยบายกลุ่มที่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจ เช่น กำแพงภาษีคู่ค้าหรือการขับไล่ผู้อพยพผิดกฎหมาย ทรัมป์จะไม่สามารถดำเนินตามที่หาเสียงไว้อย่างเต็มรูปแบบโดยจะถูกลดทอนความก้าวร้าวลงโดย รมว. คลังคนใหม่ที่มีประสบการณ์จากตลาดทุนและนักการเมืองอาวุโสในรัฐสภา คงเหลือแค่นโยบายที่หนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอย่างเช่น การลดภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดการเงิน รวมถึงนโยบายเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานดั้งเดิมที่ช่วยลดเงินเฟ้อด้านราคาน้ำมันลง ทำให้เรายังมีมุมมองเป็นบวกกับสหรัฐฯ

ด้านแนวโน้มดอกเบี้ยค่อนข้างเปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างชัดเจน โดยการประชุม FOMC ประจำเดือน พ.ย. ซึ่งจัดขึ้นในสัปดาห์นับคะแนนการเลือกตั้ง แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดดอกเบี้ยลงตามที่ตลาดคาดการณ์ 0.25% ลงสู่ระดับ 4.5-4.75% พร้อมทั้งระบุว่าตลาดแรงงานผ่อนคลายลง เงินเฟ้อกำลังเข้าสู่เป้าหมาย 2% และจะติดตามผลกระทบจากนโยบาย ปธน. คนใหม่ก่อนที่จะปรับมุมมองใด ๆ แต่ตลอดเดือน พ.ย. หลังจากนั้น เราเห็นท่าทีที่เป็นกังวลมากขึ้นจากมุมมองด้านเงินเฟ้อที่ผู้ว่าฯพาวเวลล์เปิดเผยต่อสื่อต่าง ๆ ซึ่งทยอยเปลี่ยนคำพูดจากที่ “มั่นใจมาก” ไปเป็น “เงินเฟ้อกำลังอยู่ในเส้นทางขรุขระไปยังเป้าหมาย 2%” นั่นหมายถึงสัญญาณของดอกเบี้ยขาลงในปี 2025 อาจล่าช้ากว่าที่นักลงทุนคาดหวัง ทั้งนี้ทั้งนั้นเรามองว่านักลงทุนรับข่าวการลดดอกเบี้ยล่าช้ามากเกินไป โดยพิจารณาจาก Implied Rate ของตลาดซื้อขายล่วงหน้าซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนคาดหวังการลดดอกเบี้ยเพียง 0.75% ตลอดปี 2025 จึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะสะสมตราสารหนี้โลก โดยเน้นไปที่ตราสารหนี้สหรัฐฯและ Credit Rating ระดับสูงจะเหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน

ในฝั่งของพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ อย่างกลุ่มประเทศยุโรปและญี่ปุ่นเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจว่านโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าของประเทศอื่นๆทั่วโลก 20% นอกเหนือจากจีนที่ตั้งเป้าไว้ 60% นั้นจะถูกตั้งใส่พันธมิตรด้วยหรือไม่และมากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกันแต่ละประเทศยังเผชิญกับปัจจัยกดดันเฉพาะตัวอีกด้วย ในฝั่งของกลุ่มประเทศยุโรปยังคงปั่นป่วนการประเด็นการตั้งกำแพงภาษียานยนต์ EV จากจีนซึ่งไม่สามารถเจรจากันได้ทันตามกำหนดเวลา ทำให้จีนวางแผนที่จะตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ ในฝั่งของรัฐบาลเยอรมนีได้ประกาศเลื่อนวันเลือกตั้งมาเป็นเดือน ก.พ. 2025 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดปกติ 7 เดือนเนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลมีประเด็นผิดใจกันจนทำให้ไม่สามารถผ่านกฎหมายได้ ขณะที่การเมืองฝรั่งเศสยังมีสภาพประหนึ่งสุญญากาศต่อเนื่องจากที่รัฐสภาแบ่งออกเป็น 3 พันธมิตรพรรคการเมืองอย่างเท่า ๆ กัน โดยที่พรรครัฐบาลยังไม่สามารถรวมเสียงเพื่อผ่านงบประมาณประจำปี 2025 ได้ ด้านญี่ปุ่นเองก็เผชิญควันหลงจากการเลือกตั้งในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาที่พรรครัฐบาลไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาอย่างเบ็ดเสร็จ ทำให้การผ่านงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาได้งบประมาณต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวัง ด้วยปัจจัยกดดันทั้งหมดที่กล่าวมา เราค่อนข้างกังวลกับยุโรปเป็นพิเศษและแนะนำชะลอการลงทุน ขณะที่ในฝั่งญี่ปุ่นแนะนำถือครองเพื่อจับตาทิศทางของปัจจัยกดดันต่าง ๆ

ภูมิภาคเอเชียและประเทศกำลังพัฒนาปรับตัวลง 3.26% และ 3.58% ตามลำดับจากนโยบายที่เสียประโยชน์ของ ปธน. สหรัฐฯ คนใหม่อย่างทรัมป์ ทั้งในเรื่องกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจีนซึ่งมีน้ำหนักของตลาดหุ้นเป็นอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค ร่วมกับนโยบายต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อภายในสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อเงินเฟ้อสหรัฐฯยังคงร้อนแรง ธนาคารกลางสหรัฐฯย่อมลดดอกเบี้ยล่าช้า ทำให้ธนาคารกลางของประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้เช่นกัน ขณะที่เศรษฐกิจโดยเฉลี่ยยังค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับก่อนเกิด covid-19 ในฝั่งเอเชียหากไม่นับประเทศจีน ดูเหมือนจะมีทิศทางที่ดีกว่าเนื่องจากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในหลายประเทศใหญ่อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ และหลายประเทศเป็นคู่ค้าเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ ที่ต้องการขยายอำนาจมายังเอเชีย เราจึงมีมุมมองเป็นกลางกับกลุ่มประเทศเอเชีย แนะนำถือครองการลงทุน ขณะที่ประเทศที่เรามองว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่งและจะเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลชุดใหม่คืออินเดียกับอินโดนีเซีย แนะนำให้น้ำหนักมากกว่าตลาด

ภาพรวมการลงทุนประจำเดือนธันวาคม คาดว่าตลาดหุ้นโลกจะเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเพื่อติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายที่ก้าวร้าวของทรั้มป์ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 20 ม.ค. 2025 โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯอาจเป็นตลาดเดียวที่เคลื่อนไหวในแดนบวกเนื่องจากคาดว่านโยบายของทรั้มป์จะส่งผลเป็นบวกสุทธิกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่การประชุม FOMC ที่จะประชุมกันครั้งสุดท้ายของปีจะเป็นที่จับตาเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนค่อนข้างกังวลการลดดอกเบี้ยจะล่าช้าจากนโยบายที่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อของทรั้มป์ อีกทั้งยังเป็นการประชุมที่จะมีการประกาศ Dot Plot ฉบับใหม่ที่รับรู้ผลการเลือกตั้งอีกด้วย แนวโน้มการลดดอกเบี้ยที่มากกว่าคาดใดๆอาจช่วยพลิกฟื้นทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวลดลงในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา

ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง วันที่ 4 ธันวาคม 2024

สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena ผ่านคอมพิวเตอร์ >>  เว็บไซต์ Finnomena สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) คลิกที่นี่เพื่อสร้างแผนการลงทุน

โปรดทราบ สำหรับลูกค้าฟินโนมีนาที่ลงทุนใน Finnomena Port และได้รับบทความนี้ แต่ยังไม่ได้รับอีเมลและ/หรือ Notificationในการแจ้งสัดส่วนเงินในการเข้าลงทุน อาจเกิดจาก

1) ท่านอยู่ระหว่างการทำรายการซื้อขายกองทุน ซึ่งทางฟินโนมีนาจะแจ้งเตือนอีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์หลังจากการทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้น

2) ท่านมีจำนวนเงินลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่แนะนำ

หมายเหตุ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะรอรับการแจ้งเตือน ท่านสามารถดูรายละเอียดของพอร์ตการลงทุนที่แนะนำผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของฟินโนมีนาพร้อมปรับพอร์ตเข้าลงทุนได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID: @FINNOMENAPORT


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนการลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299