หุ้นกลุ่มเติบโต หรือ “Quality Growth” คือกลุ่มที่ได้รับแรงกดดันตลอดปีที่ผ่านมา จากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่ปีนี้สถานการณ์จะพลิกผัน กลายเป็นหนังคนละม้วน …นั่นก็เป็นเพราะหุ้นกลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีกว่าหุ้นโลกชัดเจน และมีแนวโน้มรายได้เติบโตดี สวนทางตลาดหุ้นโลก จนทำให้น่าเลือกเข้าพอร์ต ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ?!?

อัตราดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ในปีก่อน ได้กดดันตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth) อย่างหนัก เห็นได้จาก MSCI ACWI Growth Index  ถูกเทขายถึง 29% ในปีที่ผ่านมา  อย่างไรก็ตาม ในปีนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป …!!! เพราะผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มเติบโตทั่วโลก ได้ปรับตัวสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกอย่างชัดเจน อีกทั้งรายได้ของหุ้นกลุ่มนี้ก็มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นอย่างมาก ทำให้ธนาคารทิสโก้มองว่า เดือนเม.ย.นี้ จะเป็นจังหวะที่เหมาะสำหรับการลงทุนหุ้นกลุ่มเติบโต 

ปัจจัยบวกที่ว่านี้ น่าสนใจขนาดไหน ?!?

ผลตอบแทนหุ้นกลุ่มเติบโตทั่วโลก…สูงกว่าตลาดหุ้นโลก

นับตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ผ่านมา MSCI ACWI Growth NET TOTAL RETURN USD INDEX ซึ่งสะท้อนถึงอัตราผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มเติบโตทั่วโลก (รวมส่วนต่างของราคาหุ้น และเงินปันผล) ได้ปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยล่าสุดในช่วงปลายเดือนมี.ค.อยู่ที่ + 13.78% สูงกว่าเมื่อเทียบกับ MSCI ACWI NET TOTAL RETURN USD INDEX ที่อยู่ระดับ +7.47%1 

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หุ้นกลุ่มเติบโตทั่วโลก สามารถสร้างผลตอบแทนโดยรวมได้สูงกว่า เมื่อเทียบกับหุ้นโลกเกือบ 1 เท่าตัว ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ !!!

เลือกหุ้น “Quality Growth” รีเทิร์นชนะหุ้นโลก-รายได้ชนะตลาด

รายได้หุ้นกลุ่ม Growth ทั่วโลก มีแนวโน้มเติบโตชนะตลาด

รายได้ของหุ้นกลุ่มเติบโตทั่วโลก (MSCI ACWI Growth Index) มีแนวโน้มจะขยายตัวในปีนี้ที่ 8.64% และในปี 2567 ที่ราว 16.36% ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของดัชนี S&P500 ที่น่าจะออกมาเป็นลบ -1.71% ในปีนี้ และแม้ในปี 2567 ดัชนี S&P 500 จะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ถึง 10.12% แต่ก็ยังคงเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มเติบโต

ไม่เพียงเท่านี้หุ้นกลุ่มเติบโตยังมีความน่าสนใจในเรื่องของราคาอีกด้วย โดยจะเห็นได้จาก MSCI ACWI Growth Index ที่มี Forward P/E ที่ประมาณ 24 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ที่ประมาณ 29 เท่า ถึง 20%

และที่สำคัญคือหุ้นกลุ่มนี้ ซึ่งเคยได้รับแรงกดดันจากดอกเบี้ยจนทำให้ราคาปรับตัวลง จะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการที่ดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่วัฏจักร (Cycle) สูงสุด และมีแนวโน้มปรับลดลงในระยะข้างหน้า …ดังนี้ นี่จึงทำให้หุ้น Growth มีโอกาสกลับมา Outperform ได้เร็วกว่าเดิม

ทั้งหมดนี้เอง จึงทำให้ธนาคารทิสโก้ แนะนำให้ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Quality Growth กลุ่มหุ้นที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น และมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งหุ้นเหล่านี้อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม มีกระแสเงินสดสูง เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเฮลท์แคร์ และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย หรืออาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในกลุ่มหุ้น Quality Growth ทั่วโลก

ที่มาข้อมูล 

  1. Bloomberg (As of 5 April 2023)

TISCO Advisory

ที่มาบทความ: https://www.tiscowealth.com/article/investment-advisory/return-quality-growth.html 

TSF2024