คุณคิดว่าเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ตอนนี้ สุดยอดแล้วหรือเปล่า? ถ้าเราบอกว่า เทคโนโลยีที่คุณคิดว่าดีอาจกำลังถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ที่ดีกว่าล่ะ จะเชื่อไหม
ในยุคนี้ ได้เกิดปรากฏการณ์ ธุรกิจ “สายพันธุ์ใหม่” ที่สามารถล้มธุรกิจดั้งเดิมด้วยนวัตกรรม หรือ สามารถทิ้งระยะห่างด้านนวัตกรรมของสินค้าและบริการ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำยุคกว่ามาพัฒนา จนทำให้ทันสมัยกว่าคู่แข่งที่เคยเป็นผู้นำในตลาดแบบหลายช่วงตัวได้อย่างน่าทึ่ง
สำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ ได้ให้คำจำกัดความธุรกิจแบบนี้ว่า เป็นธุรกิจที่มี “นวัตกรรมเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตแห่งอนาคต” (Next Generation Internet) ซึ่งจะเข้ามาพลิกโฉมผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์กว่าเทคโนโลยีดั้งเดิม
นวัตกรรมเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตแห่งอนาคตคืออะไร ?
“นวัตกรรมเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตแห่งอนาคต” หรือ “Next Generation Internet” สามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภทธุรกิจ คือ
- Cloud Computing และ Cyber Security
- E-Commerce
- Big Data และ Artificial Intelligence (AI)
- Mobile Technology และ Internet of Things
- Social Platforms และ Digital Media
- Blockchain และ P2P
ปัจจุบันธุรกิจเหล่านี้ ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของคุณแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การดูหนัง ฟังเพลง การติดต่อสื่อสารผ่านแอพพลิเคชัน ซื้อสินค้าออนไลน์ ไปจนถึงธุรกรรมทางการเงิน การเรียนหนังสือ แม้กระทั่งรถยนต์อัจฉริยะ
แล้วธุรกิจเหล่านี้ประสบความสำเร็จจนสามารถโค่นธุรกิจดั้งเดิมลงได้อย่างไร ?
ARK Investment Management (ARK) มองว่า อัลกอริทึมแบบระบบเรียนรู้เชิงลึก (Deep learning) เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ นั่นก็เป็นเพราะธุรกิจกลุ่ม “Next Generation Internet” ส่วนหนึ่ง ได้ยกระดับสินค้า และบริการของตนเองขึ้นมาผ่านการใช้ Deep learning เพื่อทำหน้าที่เรียนรู้ข้อมูลจำนวนมากที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง ทำให้เข้าใจพฤติกรรม ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้ง จนสามารถตอบสนองได้ตรงจุดมากกว่าที่ธุรกิจดั้งเดิมเคยทำได้
ธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมใหม่..มีอะไรบ้าง?
ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยี ทุกแห่ง จะอยู่ในกลุ่ม “Next Generation Internet” ได้ เพราะการจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจนี้ได้จำเป็นต้อง มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะเข้ามาพลิกโฉมสินค้าและบริการให้ก้าวสู่โลกยุคใหม่ จึงต้องเป็นนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับหรือเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงต่อยอดไปใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรมได้ ที่สำคัญเมื่อนวัตกรรมเหล่าได้รับการพัฒนาจนได้รับการยอมรับ จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการใช้ชีวิตและธุรกิจทั่วโลกอย่างเป็นวงกว้างในอนาคต
แน่นอนตอนนี้คุณคงอยากรู้แล้วว่า บริษัทไหนที่อยู่ในกลุ่ม “Next Generation Internet” บ้าง….
ขอยกตัวอย่าง “SHOPEE” ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ การันตีความสำเร็จด้วยยอดดาวน์โหลดสูงเป็นอันดับ 1 (in the shopping category in Southeast Asian in Q2/2020) แถมด้วยค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ใช้งานสูงสุดเป็นอันดับ 1 (In the Shopping category in both Southeast Asia and in Taiwan in Q2/2020)
ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้มาแบบโชคช่วยแน่นอน นั่นก็เป็นเพราะ SHOPEE เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใช้ deep learning เข้ามาช่วย …. หรืออธิบายให้เห็นภาพก็คือ อัลกอริทึม deep learning จะประมวลผลข้อมูลของคนที่อยู่ในแพลตฟอร์มที่ซื้อของไปก่อนหน้า แล้วนำมาประมวลร่วมกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าที่กำลังใช้บริการอยู่ จนทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า สินค้าชิ้นถัดไปที่ผู้ซื้อน่าจะมีความต้องการ หรือ สนใจ เป็นสินค้าใด
โดยประโยชน์ในข้อนี้เอง จึงช่วยดึงลูกค้าให้อยู่ในแพลตฟอร์มได้นานยิ่งขึ้น และนำไปสู่ขายของได้มากขึ้น เพราะมี deep learning ช่วยนำเสนอสินค้า หรือบริการ ได้ตรงความต้องการของลูกค้าอย่างแม่นยำนั่นเอง
ส่องรายได้ธุรกิจนวัตกรรม
ธุรกิจกลุ่ม “Next Generation Internet” ไม่ได้มีดีเพียงนวัตกรรมเท่านั้น แต่ในแง่ของรายได้ ก็น่าสนใจอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น
“Tesla Inc” ผู้นำนวัตกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้คนขับระดับ 5 ซึ่งข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่าในปี 2563 บริษัทจะมีรายได้ 30,026.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปี 2564 จะเติบโตเป็น 43,140.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
บริษัท Roku Inc ผู้ให้บริการ TV Streaming แพลตฟอร์ม ที่ได้รับความนิยมอย่างมาในสหรัฐฯ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ 43 ล้านบัญชี มีรายได้หลักจากการขายช่วงเวลาโฆษณา โดยในไตรมาส 2/2563 มีรายได้ 365 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 42% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YOY) มีกำไรขั้นต้นที่ 146.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 29% YOY (ที่มา: https://www.roku.com/en-gb/)
และ บริษัท SEA Group Ltd.ผู้นำการให้บริการอินเตอร์เน็ตแพลตฟอร์มทางด้านดิจิทัลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์โดยบริษัท Garena ซึ่งพัฒนาเกมส์ ROV, Free Fire และ FIFA online 4 เป็นต้น ส่วนธุรกิจนี้ในไตรมาสที่ 2/2563 มีจำนวนผู้เล่นเกมส์ 499.8 ล้านคนเพิ่มขึ้น 61% YOY จำนวนผู้เล่นเกมส์ที่เติมเงินอยู่ที่ 49.8 ล้านคน นอกจากนี้ บริษัท SEA Group Ltd. ยังดำเนินธุรกิจ E-Commerce ภายใต้แบรนด์ Shopee ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมามีรายได้อยู่ที่ 510,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 187.7% YOY อีกทั้งยังเป็นผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มด้านการเงินแบบดิจิทัลอีกด้วย (ที่มา: https://www.seagroup.com/investor/home)
นี่จึงเป็นความน่าสนใจของ “Next Generation Internet” ธุรกิจยุคใหม่…ผู้ใช้นวัตกรรมล้มธุรกิจยุคเก่า
TISCO Advisory
ที่มา : https://www.tisco.co.th/th/advisory/next-gen-technology.html