ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ตลาดหุ้ นได้รับแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉ พาะหุ้นกลุ่มเติบโตสูง (Growth) ที่ร่วงแรงสุดในรอบ 13 ปี จากการเร่งปรับขึ้นอั ตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง แต่ ! ในปีนี้แรงกดดันดังกล่าวเริ่ มลดลง ทำให้หุ้นกลุ่ม Growth กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ในฐานะหุ้ นราคาถูก ที่มีแนวโน้มทะยานขึ้น
ตามปกติแล้วหุ้นกลุ่ม Growth จะเติบโตเฉลี่ยอย่างน้อย 20% ต่ อปี และเป็นกลุ่มที่ได้รั บความสนใจจากนักลงทุนในตลาดมาก จนมักทำให้มีการซื้อขายบนระดั บราคาที่ค่อนข้างสู งจากความคาดหวังการเติบโตสู งในอนาคต โดยในช่วงปีที่ผ่านมาหุ้น Growth เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Information Technology) และ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ( Consumer Discretionary) ถูกเทขายจากการปรับขึ้นอั ตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็ว จนกดดันมูลค่าหุ้นกลุ่ม Growth ให้ปรับตัวลง
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเป็นตั วแปรสำคัญที่ใช้ในการคำนวณมูลค่ าของหุ้น ยิ่งอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น อั ตราคิดลดก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นด้ วย และเมื่อคิดย้อนกลับมาเป็นมู ลค่าปัจจุบันของหุ้นก็จะทำให้หุ้ นมีมูลค่าลดลง โดยปีที่ผ่านมา ดัชนี MSCI World Growth index ปรับตัวลงมากถึง 29% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่รุ นแรงที่สุดในรอบ 13 ปี 1
ทำไมหุ้นเติบโตสูงจะกลั บมาโดดเด่น ?
อย่างไรก็ตาม TISCO Wealth Advisory มองว่าแรงกดดั นจากการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2566 จะไม่เหมือนในปีก่อนอีกแล้ว เพร าะปีนี้สถานการณ์จะเปลี่ยนเป็ นการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ต่ างจากปีก่อนที่เป็นการเร่งปรั บขึ้นดอกเบี้ย โดยล่าสุ ดธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ ยนโยบายเพียง 25bps และมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอั ตราดอกเบี้ยอีกเพียง 2 ครั้งการประชุม ( เดือน มี.ค . และ พ.ค .) ในอัตรา 25bps ก่อนจะหยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ ยนโยบาย ทั้งนี้เป็นผลมาจากอั ตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในระดั บที่น่าพอใจ
เมื่อปัจจัยที่เคยกดดันหุ้น Growth อย่างหนักเริ่มเปลี่ยนทิศ แน่ นอนว่า ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่ วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับหุ้นกลุ่ ม Growth โดยสังเกตได้จากอัตราผลตอบแทนพั นธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เป็นตั วสะท้อนการคาดการณ์ต่อการขึ้ นดอกเบี้ยนโยบายเริ่มย่อตัวลง พร้อมกับหุ้นกลุ่ม Growth ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น
ต่างจากปีที่แล้วในช่วงที่ Fed เร่งขึ้นดอกเบี้ย อั ตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรั ฐดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอั ตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรั ฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า 2% ในช่วงต้นปี จนทะลุระดับ 4% ในปี ก่อน
ภาพ : การเคลื่อนไหวของ MSCI World Growth Index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรั ฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี
Source : TISCO Advisory , Bloomberg
หุ้นเติบโตสูง … ราคาถูก 2
นอกจากแรงหนุนของสถานการณ์ ดอกเบี้ยที่ชะลอตัวลงในปีนี้ หุ้ นกลุ่มเติบโตสูง (MSCI world growth index) ยังมี Valuation ที่อยู่ในระดับที่ไม่แพงอีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นผลจากการที่ราคาหุ้ นได้ปรับตัวลงมาต่อเนื่องจากปี 2020 ที่เคยซื้อขายในระดับ Forward P/E (12 เดือนข้างหน้า +2S.D.) ราว 45 เท่า จนปัจจุบันซื้อขายที่บริ เวณค่าเฉลี่ย 10 ปี ที่ 27 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่ น่าสนใจสำหรับหุ้นกลุ่ม Growth. .. สะท้อนให้เห็นว่า การเข้าซื้ อในจังหวะนี้ จะได้หุ้นที่มี ราคาต่ำ
Source : TISCO Advisory , Bloomberg
หุ้นเติบโตสูง … 10 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 14% 3
หุ้นกลุ่ม Growth มักเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติ บโตไปพร้อมกับการดำเนินชีวิ ตของคนที่เปลี่ยนไป เพราะหุ้นกลุ่มนี้เป็นธุรกิจที่ มีสินค้าและบริการ ที่สอดคล้ องกับความต้องการด้านเทคโนโลยี เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี อย่างธุรกิจด้านความปลอดภัยด้ านไซเบอร์ ธุรกิจ Cloud Computi ng ประกอบด้วย Software as a Service, Platform as a Service, Infrastructure as a Service และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งส่ วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ มีความแข็งแกร่ง จึงมีส่วนแบ่ งการตลาดที่สูง มีงบการเงินที่ ดี และมีแนวโน้มการเติ บโตของรายได้และกำไรในระดับสูง
ซึ่งถ้ามองผ่านวิกฤตต่าง ๆ ในช่ วง 10 ปีที่ผ่านมา (2012 – 2022) จะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มเติบโตสูง (MSCI world growth index) สามารถให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ ยทบต้นสูงถึง 14% ต่อปี ในขณะที่หุ้นทั่วไป (MSCI World Index) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นราว 11% ต่อปี ( ใช้วิธีคำนวณโดยนำเงินปั นผลที่ได้รับมาลงทุนกลับ : Dividend re-invest )
ดังนั้น ในช่วงเวลาที่หุ้น Growth ได้รับแรงกดดันจนกลับมาซื้ อขายในระดับที่ไม่สูงและแรงกดดั นเริ่มคลี่คลายจึงเป็นโอกาสสำคั ญที่จะทยอยลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี ในระยะยาว
1.-3. ข้อมูลจาก Bloomberg
TISCO Advisory
ที่มาบทความ: https://www.tiscowealth.com/article/investment-advisory/growth-stock-ready-to-take-off.html