-
รายงานถึง ณ วันที่ 21 มีนาคม 2559 ตั้งแต่ต้นปี เข้าซื้อเพิ่มอีก 7.65 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 134 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 17.51 บาท/หุ้น
- สัดส่วนหลังเข้าซื้อ ณ ปัจจุบัน: คาดว่าประมาณ 6.00 % (เฉพาะในนามของผู้ซื้อ)
- ผู้ซื้อ: ในนาม นาง อัจฉรา ตั้งมติธรรม (กรรมการ) ซึ่งเป็นคู่สมรสของ นาย ประทีป ตั้งมติธรรม (ประธานกรรมการ)
- การซื้อเพิ่มครั้งนี้เป็นสัดส่วนเพียง เล็กน้อย ถือว่าเป็นสัดส่วนที่อาจไม่มีนัยสำคัญทีเดียวกับจำนวนหุ้นทั้งหมด (0.50% จาก 1,716 ล้านหุ้น) แต่เมื่อมองย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปี ราคาที่เข้าทำรายการอยู่แถวๆ 17 บาท แสดงถึงมูลค่าในใจของผู้บริหาร (ที่เชื่อว่าจะมีข้อมูลแน่นกว่าเรา) และการซื้ออย่างต่อเนื่อง ทยอยๆ ย่อมสะท้อนถึงมุมมองและโอกาสทางธุรกิจที่ดี
- ในขณะเดียวกันหุ้น LPN ที่อยู่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเน้นเจาะตลาดระดับ Low – Mid End นั้น กลับตรวจสอบพบรายการขายของกรรมการท่านหนึ่ง มูลค่าประมาณ 32 ล้านบาทและหากสืบย้อนกลับไป ราคาต้นทุนเมื่อปีก่อน ก็ถือว่าสูงทีเดียวหากเทียบกับราคาปัจจุบัน (ก่อนที่จะมีการปรับตัวลงเรื่อยมาในช่วงปลาย ถึง ต้นปีนี้) แสดงถึงอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งอันทีจริงสาเหตุการขายนั้นเราก็มิอาจทราบได้อย่างแท้จริงและจำนวนหุ้นอาจไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กันก็ได้ ในแต่ละรายการที่เราพบตามรายงาน
- ราคาของทั้ง LPN และ SPALI หรืออาจจะเรียกว่าทั้งกลุ่มเลยก็ว่าได้ ในช่วงที่ผ่านมา 2-3 เดือนนั้น อยู่ในภาวะที่ซีมและลง เพราะแนวโน้มของกลุ่มอสังหาฯนั้นอาจมีแนวโน้มที่ยังไม่สดใสนัก เนื่องจากอุปสงค์จะซื้อบ้านที่อยู่ใหม่ยังอ่อนตัว แม้จะมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐทยอยออกมาบ้างก็ตาม ยังคงต้องรอสภาวะตลาด และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาปรับตัวดีอีกครั้ง
ข้อดีของ Major Move ที่เรานำมาเสนอในวันนี้คือการดูการเปลี่ยนแปลงของราคาภายหลังจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่เข้าซื้อ หรือขายหุ้นของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าเราศึกษาต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ พร้อมกับ FINNOMENA เราน่าจะเห็นโอกาสที่ดีในการลงทุนได้เหมือนกันนะครับ เรียกได้ว่าถ้าเรามีข้อมูลมากกว่าย่อมมีโอกาสชนะในสมรภูมิการลงทุนแน่นอนครับ
แหล่งที่มาข้อมูล: www.sec.or.th
– See more at: https://www.finnomena.com/z-admin/major-move/2015/11/09/04/prasert-ba/#sthash.e357VOoT.dpuf
แท็ก: