สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า Didi Global ปฏิเสธรายงานของ Wall Street Journal ที่กล่าวว่าบริษัทกำลังพิจารณาซื้อหุ้นคืน เพื่อออกจากตลาดหุ้น และเปลี่ยนกลับเป็นบริษัทเอกชนเพื่อให้ทางการจีนพอใจ รวมถึงเพื่อชดเชยการขาดทุนของนักลงทุน
Didi แอปพลิเคชันเรียกรถโดยสารสาธารณะได้ IPO เข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ด้วยมูลค่ากว่า 4,400 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่กี่วันหลังจาก IPO ได้ถูกรัฐบาลจีนสั่งให้ลบแอปพลิเคชันออกจาก App stores เนื่องจากมีการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนตัวผู้บริโภคอย่างผิดกฎหมาย
รายงานของ WSJ กล่าวว่า Didi มีแผนซื้อหุ้นคืน และถอนบริษัทออกจากตลาดหุ้น เนื่องจากการปราบปรามในจีนที่ขยายวงกว้าง
Didi ได้ออกมาปฏิเสธรายงานจากสื่อข้างต้นว่าไม่เป็นความจริง พร้อมกล่าวว่าบริษัทกำลังให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัท
รายงานของ WSJ ทำให้ราคาหุ้นของ Didi ปรับตัวขึ้นมาถึง 40% ก่อนเปิดตลาด ภายหลังจากการปฏิเสธของ Didi ทำให้ราคาหุ้นปิดที่ $9.86 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.2% (29 ก.ค.)
มาตรการของทางการจีนต่อ Didi เกิดขึ้นในช่วงที่มีการปราบปรามอินเทอร์เน็ตครั้งยิ่งใหญ่ของจีนตลอด 1 เดือน เพื่อป้องกันการผูกขาด, คุ้มครองข้อมูลผู้บริโภค และป้องกันการละเมิดอื่น ๆ ซึ่งการปราบปรามดังกล่าวส่งผลกระทบต่อนักลงทุนมาก
ต้นเดือนที่ผ่านมา จีนเผยว่ามีหน่วยงานจากรัฐอย่างน้อย 7 แห่ง กำลังดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น หน่วยงานบริหารไซเบอร์สเปซของจีน (CAC), กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานกำกับดูแลการผูกขาดตลาดของจีน (SAMR) เป็นต้น
CAC กำลังตรวจสอบถึงความเป็นไปได้ที่ข้อมูลของบริษัทบางส่วนจะตกไปอยู่ในมือของหน่วยงานต่างประเทศหรือไม่
รายงานของ WSJ ที่ Didi ได้ออกมาปฏิเสธนั้น กล่าวว่า Didi กำลังเจรจากับธนาคาร หน่วยงานกำกับดูแล และนักลงทุนหลัก เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้ไม่นาน
และได้ขอให้ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ประเมินมุมมองของนักลงทุนต่อแผนออกจากตลาดหุ้น รวมถึงช่วงราคาที่พวกนักลงทุนยอมรับได้ และอาจมีการ Tender Offer หรือการเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ เพื่อทำให้สถานะบริษัทกลับเป็นบริษัทเอกชนนอกตลาดหลักทรัพย์
บริษัทจีนอยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ของสหรัฐฯ ได้กล่าวเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่า บริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ จะต้องเปิดเผยความเสี่ยงในการถูกรัฐบาลจีนเข้าแทรกแซงธุรกิจ
โดยในเดือน มี.ค. กลต. ของสหรัฐฯ มีมาตรการถอดบริษัทต่างประเทศออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากบริษัทเหล่านั้นไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการตรวจสอบของสหรัฐฯ
ที่มา: Reuters
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel