การปรับฐานขึ้นมาในเดือน พ.ค. หลังร่วงแรง 20 – 30% ตั้งแต่ต้นปี 2022 ทำให้เกิดคำถามว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ใกล้ถึงจุดต่ำสุดหรือยัง?
ตั้งแต่ต้นปี 2022 ดัชนี S&P 500 ลดลงมาแล้ว 13% ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเกิดภาวะถดถอย หลัง Fed ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต เห็นได้จากดัชนี Nasdaq 100 ที่ร่วงแล้ว 22% ในปีนี้ แรงเทขายได้ขัดขวางขาขึ้นของตลาดหุ้นยุคโควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้นในเดือน พ.ค. จากทั้งท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้นของ Fed, การฟื้นตัวของผู้บริโภคชาวอเมริกัน และแนวโน้มกำไรที่สดใสของบริษัท เกิดความหวังในหมู่นักลงทุนจนทำให้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 พ.ค.) ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาเกือบ 2.5% หลุดสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ 2001
ก่อนหน้านี้ Nasdaq 100 ดิ่งเกือบ 30% จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ย. ถือเป็นการร่วงแรงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การร่วงแรง 50% สมัยวิกฤติการเงินโลกปี 2008
เช่นเดียวกับ S&P 500 วันศุกร์ที่แล้ว (27 พ.ค.) ดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวขึ้นมา 3.3%
นักลงทุนไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2008 ข้อมูลจาก Strategas Securities รายงานว่า การซื้อขายของดัชนี S&P 500 ในปี 2022 นั้น ดัชนีมีการเคลื่อนไหวบวกหรือลบอย่างน้อย 1% คิดเป็น 89% ของจำนวนวันทำการตั้งแต่ต้นปี
หุ้นกลุ่ม ‘พลังงาน’ เคลื่อนไหวสวนทางตลาด หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากสงครามยูเครน และกลายเป็นกลุ่มหุ้นที่มีผลงานโดดเด่นที่สุด โดยเพิ่มขึ้นมาแล้ว 58% ในปีนี้
สำหรับคำถามที่ว่าใกล้ถึงจุดต่ำสุดหรือยัง นักวิเคราะห์มองว่าอาจมีสัญญาณหลอกอีกหลายครั้งก่อนที่หุ้นจะแตะระดับต่ำสุดเป็นครั้งสุดท้าย แต่ตอนนี้ Valuation ที่ถูกลงได้เริ่มดึงดูดนักลงทุนกลับมา
สถิข้อมูลตั้งแต่ปี 1932 ของ LPL Financial ระบุว่า ใน 5 ครั้งล่าสุดที่ S&P 500 ร่วงแรงในช่วงต้นปี ดัชนีจะปรับขึ้นมาเฉลี่ย 19.1% ในช่วง 7 เดือนต่อมา
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel