News Update: จีนผ่อนคลาย 'กฎเหล็กโควิด' โยนความผิด ‘กลุ่มพลังแฝง’ ปลุกกระแสต่อต้าน รัฐบาลคุมได้ ไม่มีสัญญาณการประท้วงใหม่แล้ว

ทางการจีนผ่อนคลายมาตรการควมคุมการระบาดของโควิด-19 บางส่วน แต่ยังรักษายุทธศาสตร์ ‘โควิดเป็นศูนย์’ ในภาพรวม หลังประชาชนประท้วงและเรียกร้องให้ปธน. สี จิ้นผิง ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการเเสดงการต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี

องค์กรบริหารของกรุงปักกิ่งประกาศว่า จะไม่ตั้งรั้วกั้นทางเข้าออกอาคารที่อยู่อาศัยประชาชน แม้ว่าพบการติดโควิดของผู้พักอาศัย ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า รัฐบาลจีนน่าจะยังไม่เปลี่ยนยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ในภาพรวม และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จีนมีความถนัดในการกำราบเสียงต่อต้าน

เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) รัฐบาลจีนกล่าวหา ‘กลุ่มพลังที่มีแรงจูงใจแฝง’ ใน​​โลกออนไลน์ ที่พยายามโยงอัคคีภัยคราวนี้เข้ากับมาตรการสกัดโควิด ถึงแม้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบที่อุรุมชีจะพยายามอธิบายข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน และหักล้างการใส่ร้ายป้ายสีดังกล่าวแล้วก็ตามที

“สิ่งที่คุณอ้างถึงนั้น ไม่ได้สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นมาจริงๆ เราเชื่อว่าด้วยการนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และความร่วมมือและความสนับสนุนของประชาชนจีน การต่อสู้กับโควิด-19 ของเราจะประสบความสำเร็จ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ‘เจ้า ลี่เจียน’ พูดถึงสภานการณ์ประท้วงดังกล่าว

ในวันเดียวกันนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่มีสัญญาณใดๆ ของการประท้วงใหม่ๆ ทั้งในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ทว่ามีตำรวจหลายสิบคนอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ชุมนุมเมื่อ 1-2 วันก่อน โดยตำรวจได้เรียกตรวจโทรศัพท์มือถือของผู้คนในบริเวณเหล่านี้ เพื่อเช็กว่ามีการใช้เครือข่าย VPN และแอปเทเลแกรมหรือไม่

ขณะที่เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวานนี้มีตำรวจจำนวนมากได้ไปตั้งรั้วตลอดแนวฟุตบาธเพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้าไปชุมนุมอีก และมีผู้ถูกจับกุม 3 คน นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายยังห้ามไม่ให้ผู้คนที่ผ่านไปมาถ่ายภาพหรือวิดีโอการประท้วง

ก่อนหน้านี้มีข้อความบนโลกออนไลน์ทั้งในจีน และต่างประเทศต่างอ้างว่า มาตรการล็อกดาวน์คุมเข้มโควิด-19 ในอุรุมชี ได้ขัดขวางความพยายามในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุไฟไหม้อาคารแห่งหนึ่งเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 พ.ย.) จนมีผู้เสียชีวิต 10 ราย

โดยล่าสุด จีนรายงานยอผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 40,347 ราย ในวันอาทิตย์ (27 พ.ย.) ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 3,822 ราย และไม่แสดงอาการ 36,525 ราย

อ้างอิง:

——————-

👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน

TSF2024