ไฟเซอร์ ผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์รายใหญ่ของโลก เผยว่า ผู้คนจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โดยบริษัทเตรียมยื่นขออนุมัติการใช้งานฉุกเฉินสำหรับเข็มบูสเตอร์ อย่างเร็วที่สุดในเดือน ส.ค.
ข้อมูลชี้ว่า การฉีดวัคซีน 3 เข็ม สร้างแอนติบอดี้ที่ลบล้างไวรัสมากกว่าการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ถึง 11 เท่าในกลุ่มผู้ใหญ่ 5 เท่าในกลุ่มเด็ก และ 2 เท่าในกลุ่มผู้สูงอายุ
ไมเคิล ดอลสเทน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในการป้องกันการติดเชื้อ และลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัส โดยระดับแอนติบอดี้อาจเพิ่มสูงสุดถึง 100 เท่า เทียบกับก่อนการฉีดเข็มที่ 3
ไฟเซอร์เผยว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยหลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ประสิทธิภาพวัคซีนลดจากระดับสูงสุด 96% เหลือเพียง 84% ในเวลา 4 เดือน
ในขณะที่สหรัฐฯ เริ่มพิจารณาการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แต่ประชากรหลายพันล้านคนในประเทศอื่น ๆ ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว
ขณะเดียวกัน ไฟเซอร์ได้ปรับคาดการณ์ตัวเลขยอดขายของวัคซีนโควิด-19 ปีนี้ ที่ทำร่วมกับบริษัทไบออนเท็ค สู่ 33,500 ล้านดอลลาร์ (1.1 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 29%
การปรับเพิ่มประมาณการยอดขายวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ อ้างอิงจากตัวเลขการสั่งซื้อเพิ่มเติมจำนวน 2,100 ล้านโดส ทั้งนี้บริษัทอาจปรับเพิ่มตัวเลขอีกครั้งหากมีข้อตกลงสั่งซื้อเพิ่มเติม
นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ไฟเซอร์นำส่งวัคซีนไปแล้วกว่า 1,000 ล้านโดส และบริษัทคาดว่ายอดผลิตวัคซีนตลอดทั้งปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านโดส
ไฟเซอร์มียอดขายวัคซีนที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่างโมเดอร์น่า และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดย โมเดอร์น่า ประมาณการยอดขายทั้งปีที่ 19,200 ล้านดอลลาร์ (630,000 ล้านบาท) ส่วน จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ประมาณการยอดขายทั้งปีที่ 2,500 ล้านดอลลาร์ ( 82,000 ล้านบาท)
ในเดือนหน้า ไฟเซอร์เตรียมทดสอบวัคซีนรุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อรับมือการสายพันธุ์เดลตาโดยเฉพาะ สายพันธ์เดลตานั้นแพร่กระจายได้เร็วและเป็นสายพันธุ์หลักของทั่วโลกในขณะนี้ โดยวัคซีนรุ่นใหม่ผลิตล็อตแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ที่มา: VOA Thai และ MGR Online
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel