Michael Burry นักลงทุนขาชอร์ตชื่อดัง ตัวจริงจากหนัง ‘The Big Short’ ออกโรงเตือนว่า Bullwhip Effect อาจทำให้เศรษฐกิจผกผันและเกิดเงินฝืด จน Fed ต้องเปลี่ยนทิศกลับมาลดดอกเบี้ยและทำ QE

Bullwhip Effect หรือปรากฏการณ์แส้ม้า คือการเปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นในซัพพลายเชนเหมือนตอนสะบัดแส้ม้า แล้วปลายแส้ด้านที่อยู่ไกลจะมีการแกว่งตัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เทียบกับจุดที่มือเราจับอยู่

โดยในซัพพลายเชนนั้นเปรียบเทียบผู้บริโภคปลายทางเป็นคนจับแส้ ที่ส่งความต้องการไปยังร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง และผู้ผลิตเป็นทอดๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความต้องการซื้อของผู้บริโภคนั้นคงที่ แต่ปริมาณการสั่งซื้อกลับแกว่งตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ต้นทุนส่วนเพิ่มจากการที่ต้องตุนสินค้าคงคลังมากกว่าปกติ หรือสินค้าคงคลังน้อยเกินไปจนไม่มีของขาย

ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคต้องการสินค้าเพียง 10 ชิ้น > ผู้ค้าปลีกสั่งสินค้าไปยังผู้ค้าส่งแบบเผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาดทั้งหมด 20 ชิ้น > ผู้ค้าส่งสั่งจาก​​ผู้ผลิตโดยมีขั้นต่ำที่ 40 ชิ้น > ผู้ผลิตไม่อยากให้สินค้าขาดสต็อกผลิตเพิ่มอีก 1 เท่า เป็นทั้งหมด 80 ชิ้น

ทำให้เกิดสินค้าในระบบถึง 80 ชิ้น จากความต้องการคั้งต้นของผู้บริโภคเพียงแค่ 10 ชิ้นเท่านั้น สินค้า 70 ชิ้น จึงกลาp\ยเป็นอุปทานส่วนเกิน

โดย Michael Burry ผู้ก่อตั้ง Scion Asset Management อธิบายผ่านทางทวิตเตอร์ว่า อุปทานส่วนเกินในภาคค้าปลีก คือ Bullwhip Effect ที่จะทำให้เงินเกิดเงินฝืดในปลายปีนี้ จน Fed ต้องเปลี่ยนทิศ กลับมาลดดอกเบี้ยและทำ QE วนลูปเป็นวัฏจักรต่อไป

ทวีตของ Michael Burry สอดคล้องกับข้อมูลจาก CNN ที่รายงานว่า ผู้ค้าปลีกกำลังพิจารณาให้ลูกค้าเก็บสินค้าที่พวกเขาต้องการส่งคืนแทนที่จะให้นำสินค้ากลับมา เพราะกลัวว่าจะไปเพิ่มในสินค้าคงคลังที่มีมากเกินไปอยู่แล้

อ้างอิง:

• https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-06-27/michael-burry-of-the-big-short-fame-warns-fed-may-alter-course?sref=e4t2werz 
• https://zupports.co/bullwhip-effect-causes-and-mitigations/ 
• http://www.thailandindustry.com/indust_newweb/articles_preview.php?cid=19066 

——————-