หุ้น Grab ร่วงแรงกว่า 12% หลังขาดทุนหนักกว่าทีนักวิเคราะห์คาด เหตุดีมานด์ในธุรกิจส่งอาหารและบริการเรียกรถส่งสัญญาณชะลอตัว แม้รายได้บริษัทจะโตดีกว่าคาดที่ 79% ก็ตาม
Grab บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสิงคโปร์ ที่มีทั้งบริการเรียกรถ, แท็กซี่, วินมอเตอร์ไซค์, ส่งพัสดุ และสั่งอาหาร ผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือ รายงานการขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2 อยู่ที่ 547 ล้านดอลลาร์ หดตัวเกือบ 30% จากปีก่อนหน้า และขาดทุนมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 335 ล้านดอลลาร์
ส่งผลให้เมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) ราคาหุ้น Grab ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมา 12.22% โดยตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้น Grab ปรับลดลงมามากกว่า 55%
อย่างไรก็ตาม บริษัทรายงานรายได้ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 79% สู่ 321 ล้านดอลลาร์ มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 273.1 ล้านดอลลาร์ หนุนโดยดีมานด์ที่ยืดหยุ่นของผู้บริโภคที่ยังใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แม้ปัญหาเงินเฟ้อจะรุนแรงก็ตาม อย่างไรก็ตาม ดีมานด์ดังกล่าวเริ่มชะลอตัวลง
Grab หนึ่งในสตาร์ทอัพที่ร้อนแรงที่สุดของอาเซียนที่นำโดย Anthony Tan ประสบปัญหาต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านวิธี SPAC หรือควบรวมกิจการกับบริษัทที่ไม่มีแผนธุรกิจแน่ชัดหรือออาจเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อควบรวมกิจการ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วงลงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ขณะที่ธุรกิจเรียกรถของบริษัทกำลังอยู่ในขาลง ทำให้ Grab ต้องหากลยุทธ์ใหม่โดยขยายธุรกิจไปสู่การสั่งของในร้านสะดวกซื้อ และเพิ่มการลงทุนจำนวนมาก รวมถึงตัดสินใจปิดการดำเนินงานของศุนย์กระจายสินค้าในสิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เพื่อลดต้นทุน
บริษัทรายงานมูลค่าสินค้ายอดขายทั้งหมด (GMV) ของธุรกิจเดลิเวอรี่ซึ่งถือเป็นพื้นที่การเติบโตที่สำคัญอยู่ที่เพียง 2,500 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2,650 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากผู้บริโภคสั่งอาหารและซื้อของออนไลน์น้อยลง หลังกลับมาเปิดเมืองแล้ว
โดยบริษัทปรับลดคาดการณ์ GMV ทั้งหมด เหลือขยายตัว 21% – 25% ในปีนี้ เทียบกับ 30% – 35% ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า เนื่องจากสัญญาณความต้องการของผู้บริโภคอ่อนตัวลง
อ้างอิง:
——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel