Sea เผยผลสำรวจจากรายงาน Thai Digital Generation 2022 ‘การเข้าถึงการเงินในยุคดิจิทัล’ ซึ่งจัดทำโดย Sea (Group) และ World Economic Forum (WEF) พบว่า พฤติกรรมการใช้บริการทางการเงินของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างรวดเร็วใน 2 ปีที่ผ่านมา
กลุ่มเป้าหมายของการสำรวจเป็น ‘คนยุคดิจิทัล’ (Digital Generation) ซึ่งหมายถึงผู้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทยหลากหลายวัย ในช่วงอายุ 16 – 60 ปี จำนวนกว่า 8,000 คน โดย 51% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีอายุต่ำกว่า 35 ปี 53% เป็นเพศหญิง และราว 17% เป็นผู้ประกอบการ MSME
ประเทศไทยมีสัดส่วนคนใช้แอปฯ การเงินดิจิทัล (อีแบงก์กิ้งและอีวอลเล็ต) อยู่ที่ 83% ซึ่งมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และเป็นหนึ่งในสองประเทศในภูมิภาคที่สัดส่วนคนใช้แอปฯ การเงินเหล่านี้ สูงกว่าโซเชียลมีเดีย (72%)
ราว 94% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีประสบการณ์การใช้ บริการทางการเงิน และต้องการที่จะใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคต ทั้งด้านการจับจ่ายใช้สอย การเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมไปถึงพฤติกรรมการออมและการลงทุน แม้แต่ในหมู่คนที่เข้าถึงบริการการเงินได้ดีและสามารถเข้าถึงประโยชน์จากสินเชื่อ การลงทุน และบริการประกันภัยได้อยู่แล้ว ก็ยังต้องการใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้นเช่นกัน
ดร.สันติธาร เสถียรไทย Group Chief Economist และกรรมการผู้จัดการใหญ่ Sea (Group) อธิบายเสริมว่า หากเปรียบระบบ การเงิน ปัจจุบันให้เป็นอาคารสูง ชั้นล่างมีผลิตภัณฑ์การเงินขั้นพื้นฐาน เช่น บัญชีออมทรัพย์ และการทำธุรกรรมชำระเงิน ในขณะที่ชั้นสูงขึ้นไปมีผลิตภัณฑ์ขั้นแอดวานซ์ เช่น เครดิต การลงทุน การทำประกัน เราพบว่า ผู้คนส่วนมากยังอยู่ที่ชั้นล่าง โดย 90% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีบัญชีออมทรัพย์และเข้าถึงการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่คนหลายกลุ่มยังคงเข้าไม่ถึง บริการทางการเงิน ขั้นแอดวานซ์ที่สำคัญ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ MSME ผู้หญิง คนรุ่นใหม่ และคนในพื้นที่ชนบท โดยมีคน ยุคดิจิทัล ในประเทศไทยเพียง 28% เท่านั้นที่เข้าถึงทั้งสินเชื่อ การลงทุน และประกัน ในด้านสินเชื่อพบว่า มี MSME ที่ต้องการสินเชื่อไม่ถึงครึ่งที่สามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคารได้ ในขณะที่ด้านการลงทุน กลุ่มคนส่วนใหญ่กว่า 60% ใช้บริการออมเงินไว้ในบัญชีเท่านั้น
ดังนั้น การนำ เทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาใช้ ก็เปรียบเสมือนการสร้างบันได ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงและรับประโยชน์จากบริการทางการเงินในชั้นที่สูงขึ้นไปได้ เนื่องจากสามารถเพิ่มการเข้าถึงทางการเงินได้จากระยะไกล ในทุกพื้นที่ และด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ทั้งยังสามารถช่วยลดกระบวนการที่ใช้เวลานาน และขยายกลุ่มเป้าหมายให้กลุ่มอื่นเข้าถึงผลิตภัณฑ์การเงินได้อย่างง่ายขึ้นเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ยังช่วยพัฒนาข้อเสนอบริการที่มีอยู่แล้วในชั้นที่สูงขึ้นไป โดยช่วยให้ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถปรับและนำเสนอบริการทางการเงินให้ตอบความต้องการเฉพาะบุคคลได้มากขึ้นโดยใช้ดาต้า ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการที่เป็น Fintech หรือ Digital Bank รวมทั้งสถาบันการเงินดั้งเดิมที่มีการทรานส์ฟอร์มสู่โลกดิจิทัล สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับแต่ละบุคคลคืออะไร ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
รายงานยังพบว่า ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความแตกต่างกันตามพื้นที่อยู่อาศัยอย่างชัดเจน ซึ่งในชนบทยังมีช่องว่างทางความรู้อยู่มาก ในด้า การจัดการทางการเงิน และความเข้าใจเกี่ยวกับบริการทางการเงินขั้นแอดวานซ์ที่มีความซับซ้อน ดังนั้น แม้เทคโนโลยีจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบในการสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ทั่วถึง แต่ไม่สามารถละเลยการให้ความรู้ด้านการเงินได้ โดยความรู้ความเข้าใจด้านการเงิน จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้บริการการเงินในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะด้านการลงทุนและบริหารการเงินส่วนตัว นอกจากนี้ยังพบว่า ผลิตภัณฑ์การเงินที่คนขาดความรู้ที่สุดคือ สินเชื่อ
คนยุคดิจิทัลระบุว่า การเรียนรู้ด้านการเงินที่ได้ผลดีที่สุดคือ การเรียนรู้จากลองทำเอง ตามมาด้วยครอบครัวและเพื่อน และพนักงานประจำสาขาธนาคารหรือจุดให้บริการทางการเงิน สื่อสังคมออนไลน์ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน ทั้งนี้ ผู้ที่ได้เรียนรู้จากพนักงานของสถาบันการเงินหรือจุดให้บริการทางการเงิน และผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน ยังมีสัดส่วนน้อยมาก เมื่อเทียบกับสัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่า อยากเรียนรู้จากทั้ง 2 ช่องทางนี้ นอกจากนี้ การมีความรู้ด้านดิจิทัลก็จำเป็นไม่แพ้กัน เพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของเงินและข้อมูล อันเป็นความกังวลอันดับต้นๆ ของคนยุคดิจิทัล
ด้วยเหตุนี้ การสร้างเสริมความรู้ด้านการเงินและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจึงเป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนจะละเลยไม่ได้ ซึ่งเราก็สามารถเห็นได้ว่าผู้ให้บริการทางการเงินต่างๆ ตลอดจนผู้ออกนโยบายอย่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย ต่างให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกันกับ Sea (Group) ที่ได้เริ่มให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเงินในประเทศไทย ผ่านเนื้อหาการเรียนรู้บน seaacademy และในปีหน้าจะมีโครงการพัฒนาความรู้ด้านการเงินโดยใช้เกมิฟิเคชั่น (Gamification) เข้ามาช่วยย่อยเนื้อหาเรื่องการเงินที่คนมองว่ายาก ให้เรียนรู้ได้อย่างง่ายดายและสนุกขึ้น นับเป็นการต่อยอดการให้ความรู้เพื่อสร้างความพร้อมของผู้คนในยุคดิจิทัล เพิ่มเติมจากเดิมที่มีการทำโครงการสร้างเสริมทักษะดิจิทัลมาโดยตลอด
อ้างอิง: https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1038619
——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel