News Update: ครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี GDP จีนอาจโตน้อยกว่าสหรัฐฯ นโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ ทำพิษ

ครั้งแรกในรอบเกือบครึ่งศตวรรษที่สหรัฐฯ จะกลับมาแซงหน้าจีนอีกครั้ง เหตุเศรษฐกิจจีนอ่วมหนักจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์

Bloomberg Economics คาดการณ์ในแง่ร้ายกว่าความเห็นส่วนใหญ่ว่า ปีนี้ GDP จีน จะโตเพียง 2% ขณะที่ GDP สหรัฐฯ จะโตอยู่ที่ 2.8% ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ‘เติ้ง เสี่ยวผิง’ ปฏิรูปในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ที่จีนโตน้อยกว่าสหรัฐฯ

แนวโน้มที่หยุดชะงักลงของเศรษฐกิจจีนเป็นสิ่งที่โลกไม่ได้เตรียมรับมือไว้ ก่อนหน้านี้คงไม่มีใครคิดว่าเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมั่นคงจะเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ แม้จะชะลอตัวลงบ้างจากการเข้าร่วม WTO ในปี 2001 แต่ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง เศรษฐกิจจีนเคยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนเหมือนจะมาแทนที่สหรัฐฯ

การหดตัวของเศรษฐกิจในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ในปี 2020 เป็นเรื่องเข้าใจได้เพราะทั้งโลกเผชิญกันหมด แต่แนวโน้มที่แย่ลงในตอนนี้คงดีขึ้นได้ยาก ตราบใดที่รัฐบาลจีนยังคงยึดติดกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์

เศรษฐกิจที่หยุดชะงักเป็นครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึง 2 ปี ทำให้มีคำถามเกิดขึ้นว่า มีปัญหาอะไรนอกเหนือกจากโควิดหรือไม่?

ตอนนี้จีนเผชิญกับทั้งยอดค้าปลีก ความต้องการสินเชื่อ การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง ขณะที่การว่างงานเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการว่างงานในกลุ่มผู้มีอายุน้อยที่พุ่งทำสถิติสูงสุด

ก่อนหน้านี้ในปี 2018 ที่ OECD ออกรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะแซงหน้าจีนในปี 2060 ทุกคนต่างคิดว่าเป็นไปไม่ได้ โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ระหว่างปี 2030 ถึง 2060 จีนจะขยายตัวเฉลี่ย 1.8% ต่อปี ขณะที่ สหรัฐฯ จะอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี

อย่างไรก็ตาม รายงานตอนนั้นไม่ได้รู้ว่าจะมีโควิดเกิดขึ้น แค่เป็นการสะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงทางประชากรที่โหดร้าย จากนโยบายลูกคนเดียวของเติ้งเสี่ยวผิงเท่านั้น

สิ่งที่เห็นได้ชัดตอนนี้คือ รัฐบาลจีนเริ่มกระวนกระวายใจ และได้เตรียมอัดฉีดเงิน​ 5.3 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตลอดปีนี้ ซึ่งคิดเป็นกว่า 1 ใน 3 เท่าของเศรษฐกิจจีนที่มีขนาด 17 ล้านล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ยังประกาศลดภาษี รวมถึงลดดอกเบี้ย LPR 5 ปี ลง 15 bps เหลือ 4.45% แต่การผ่อนคลายนโยบายการเงินทำได้แค่บรรเทาภาคอสังหาฯ ที่ซบเซา เพราะยังคงมีข้อจำกัดทางธุรกิจและสังคมอยู่มากมาย

ครั้งสุดท้ายที่จีนโตกว่าช้ากว่าสหรัฐฯ คือในปี 1976 แต่ตอนนั้นเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศต่างกันมาก ทั้งในแง่ของขนาด ความสามารถ การเปิดกว้างต่อการลงทุน การศึกษา หรือแทบเรียกได้ว่าทุกอย่าง ในตอนนั้นบริษัทข้ามชาติที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ ยังไม่เฉียดเข้าไปใกล้จีนเลยด้วยซ้ำ

ต้องมาดูกันว่ารัฐบาลจีนจะทำอย่างไรเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่ชัดเจนมากขึ้นก็คือ เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่างจีนไม่ได้เป็นทางเลือกที่วางใจได้อีกต่อไป

อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2022-05-24/us-growth-will-soon-outpace-china-covid-zero-isn-t-the-only-factor?srnd=markets-vp&sref=e4t2werz

——————-

👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
TSF2024