Citadel ของ Ken Griffin สร้างผลกำไรให้ลูกค้าเป็นประวัติการณ์ถึง 16,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2022 จนครองแชมป์เฮดจ์ฟันด์สร้างผลตอบแทนสูงสุดในโลก และถือเป็นความสำเร็จมากสุดครั้งหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้
ตามข้อมูลที่ประเมินโดย LCH Investments เฮดจ์ฟันด์ 20 อันดับแรกสามารถสร้างผลตอบแทนได้รวมกันสูงถึง 22,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Citadel สามารถทำกำไรทะลุ 15,000 ล้านดอลลาร์ สถิติเดิมที่ John Paulson เคยเดิมพันไว้ในวิกฤติซับไพรม์เมื่อปี 2007
กองทุนเรือธงของ Citadel ที่ลงทุนทุกอย่างตั้งแต่หุ้นไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์ สามารถทำผลตอบแทน +38% ในปีที่แล้ว ด้วยกลยุทธ์หลักจะวิเคราะห์ทั้งในแง่ของตราสารหนี้ ปัจจัยมหภาค การวิเคราะห์เชิงปริมาณ รวมถึงเครดิต โดยในปีที่แล้ว Citadel ทำกำไรให้นักลงทุนมากถึง 8,500 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Citadel สวนทางกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม เพราะเฮดจ์ฟันด์ส่วนใหญ่ขาดทุนรวมแล้ว 208,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ท่ามกลางความผันผวนของตลาด LCH ระบุว่า เฮดจ์ฟันด์ 20 อันดับทำผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.4% ขณะที่เฮดจ์ฟันด์ที่เหลือขาดทุนเฉลี่ย 8.2%
Rick Sopher ประธานของ LCH กล่าวว่า กำไรครั้งมหาศาลเกิดขึ้นอีกครั้งโดยเฮดจ์ฟันด์ที่ใช้กลยุทธ์ผสมผสาน (Multistrategy) เช่น Citadel, DE Shaw และ Millennium ผลกำไรที่แข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสะท้อนว่ากลยุทธ์ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาสินทรัพย์ที่สูงขึ้นและขนาดของกองทุน
ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของเฮดจ์ฟันด์ที่ใช้กลยุทธ์ผสมผสาน โดยปริมาณสินทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้นและค่าธรรมเนียมที่แพงกว่าทำให้บริษัทสามารถจ้างงานและรักษาเทรดเดอร์ชั้นนำไว้ได้
LCH ประเมินว่าอุตสาหกรรมนี้สร้างผลกำไรให้กับลูกค้าได้มากกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โดยเฮดจ์ฟันด์ 20 อันดับแรกดูแลทรัพย์สินเกือบ 19% ของทั้งหมด และทำกำไรได้ 629,900 ล้านดอลลาร์ หรือ 49% ของทั้งหมด
——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel