หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ กำลังมุ่งหน้าสู่เดือน ธ.ค. ที่เลวร้ายสุดนับตั้งแต่วิกฤติดอทคอมมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว หลังความหวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed จางหายไปตามตัวเลขตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
เมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวลง 2.5% หลังจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ อยู่ใกล้ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ นั่นทำให้ Fed มีเหตุผลที่จะใช้นโยบายเข้มงวดต่อไป ขณะที่อีกรายงานระบุถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ดัชนี Nasdaq 100 ที่ประกอบไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทั้ง Apple และ Amazon ปรับตัวลงมา 8.93% ในเดือนนี้ ซึ่งมากกว่าเดือน พ.ย. ที่ได้รับแรงหนุนจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง จนทำให้นักลงทุนมองว่า Fed อาจยุติการขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวในปีหน้า
Joe Gilbert ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Integrity Asset Management กล่าวว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจร้อนแรงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ประกอบกับรายงานผลประกอบการของบริษัทวัฏจักรที่แสดงแนวโน้มอ่อนตัวลงอย่างมากในอนาคต และความผิดพลาดทางนโยบายของ Fed ก็มีมากขึ้นทุกวัน สิ่งเหล่านี้ชี้ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงกลัวความเสี่ยง
ความกังวลดังกล่าวกระทบต่อหุ้นเทคโนโลยีหนักสุด เทียบกับการลดลงของ S&P 500 ที่ 1.5% เมื่อวานนี้ และประมาณ 6% ในเดือนนี้ หุ้นเทคโนโลยีได้รับผลกระทบมากที่สุดในปีนี้ ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมูลค่ามีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
โดยหุ้นที่ทำผลงานได้แย่สุดใน Nasdaq 100 เดือนนี้คือ Tesla ที่ร่วงกว่า 30% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลง และการยุ่งอยู่กับโซเชียลมีเดีย Twitter ของซีอีโอ Elon Musk ตามมาด้วยผู้ผลิตชิป Marvell Technology และ Advanced Micro Devices ที่ลดลงประมาณ 20%
การเทขายในเดือนนี้เลวร้ายกว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือน ธ.ค. 2002 ในวิกฤติดอทคอม ที่ดัชนีปรับตัวลงมา 12% ซึ่งNasdaq 100 ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน ต.ค. 2002 หลังจากดิ่งลง 83% จากจุดสูงสุดในเดือน มี.ค. 2000
——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel