Mark Zandi หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Moody’s Analytics คาดการณ์ว่า นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจุดชนวนให้เกิดปรับฐานของหุ้นสหรัฐฯ 10% ถึง 20%
“กระแสลมกำลังก่อตัวสำหรับตลาดตราสารทุน” Zandi กล่าวในรายการ Trading Nation ของ CNBC เมื่อวันศุกร์ “ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องปรับนโยบายเนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมาก” เขากล่าวเสริมว่า “เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลให้การว่างงานต่ำ การเติบโตของค่าจ้างก็จะแข็งแกร่งขึ้น”
หุ้นและพันธบัตรไม่ใช่สินทรัพย์เสี่ยงเพียงอย่างเดียวที่ดึงดูดความสนใจของเขา Zandi ยังเห็นปัญหาในการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์และการถูกเทขายของสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น นอกจากนี้เขายังกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของตลาดที่อยู่อาศัยท่ามกลางอัตราการจำนองที่สูงขึ้น “อัตราเงินเฟ้อจะสูงกว่าก่อนเกิดโรคระบาด” Zandi กล่าว “เฟดต้องดิ้นรนอย่างเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น และฉันคิดว่าพวกเขาจะสามารถทำเช่นนั้นได้”
ด้าน Kristina Hooper จาก Invesco หากหุ้นสหรัฐฯ มีการปรับฐานลงไปถึง 10% ถึง 15% นั้นเป็นจังหวะเข้าซื้อ โดยเธอกล่าวว่า ตลาดในวงกว้างมีความเสี่ยงที่จะปรับฐาน 10% ถึง 15% พร้อมกล่าวเสริมว่า “นี่อาจเป็นโอกาสที่สำคัญ และเป็นโอกาสที่นักลงทุนรอคอย”
Hooper ยังเห็นประโยชน์จากการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุ้นบิ๊กเทค โดยเธอให้เหตุผลว่า ดูเหมือนว่าองค์กรขนาดใหญ่ในอเมริกาหลายแห่งจะใช้โมเดลการทำงานแบบไฮบริดสำหรับการทำงานที่บ้านอย่างถาวรหลังจากการระบาดใหญ่ “ในระยะยาว ฉันตื่นเต้นมากเกี่ยวกับภาคส่วนเทคโนโลยี” เธอกล่าวเสริม “มีตัวเร่งที่แข็งแกร่งมากมายในภาคส่วนนี้ และฉันคิดว่ามันจะออกมาดีกว่าหากเรามองในระยะยาวที่หนึ่งถึงสามปี”
ในวันจันทร์ ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากถูกเทขายอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่แล้ว ดาวโจนส์ปิดบวก 586.89 จุด หรือ 1.8% S&P 500 ก็ได้รับแรงหนุนเช่นกัน โดยปิดบวกที่ 1.40% ในขณะที่ Nasdaq ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีปิดบวกที่ 0.79%
ที่มา: CNBC
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel