จีนกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดครั้งแรกในปี 2020 การล็อกดาวน์ในหลายเมือง ส่งผลให้การบริโภค และการส่งออกชะลอตัว ในขณะเดียวกัน จีนยังต้องเผชิญปัญหาน้ำท่วม และการขาดแคลนชิปที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
ล่าสุด ผลกระทบของโควิด ต่อเศรษฐกิจจีนเริ่มชัดเจนขึ้น ในการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ (9 ส.ค.) ที่ตัวเลขส่วนใหญ่ ออกมาตำ่กว่าคาดการณ์ของตลาด คือ
- ยอดค้าปลีก ก.ค.โต 8.5% ต่ำกว่าคาดที่ 10.9%
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค.โต 6.4% ต่ำกว่าคาดที่ 7.9%
- การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ม.ค. – ก.ค.โต 10.3% ต่ำกว่าคาดที่ 11.3%
- อัตราการว่างงานทั่วประเทศ ก.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 5.1%
- อัตราการว่างงานผู้มีอายุตั้งแต่ 16 – 24 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 16.2% จากจำนวนคนจบใหม่ที่เพิ่มขึ้น
ตัวเลขดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงต้นเดือน ก.ค. และการเริ่มล็อกดาวน์ตั้งแต่กลางเดือน ก.ค. ได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการใช้จ่ายในช่วงวันหยุด ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตด้วย
ในวันจันทร์และอังคารนี้ นักลงทุนจับตาว่าธนาคารกลางจีนจะเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับนโยบายการเงินหรือไม่ รวมถึงธนาคารกลางจีนจะทดแทนและกำหนดอัตราดอกเบี้ยเท่าไร สำหรับเงินกู้ระยะเวลา 1 ปี มูลค่าประมาณ 700,000 ล้านหยวน (108,000 ล้านดอลลาร์) ที่กำลังจะครบกำหนด
ฝั่งการผลิตของโรงงานในจีน เผชิญกับข้อจำกัดหลายอย่างในเดือน ก.ค. ทั้งจากฝนตกหนัก, น้ำท่วม, การขาดแคลนชิป, ความต้องการบริโภคที่ลดลง และการควบคุมสิ่งแวดล้อม
การเติบโตของการลงทุนเป็นไปอย่างเชื่องช้า เนื่องจากการออกพันธบัตรของรัฐบาลท้องถิ่นที่ยังไม่ดีขึ้น และรัฐบาลจีนยังคงเดินหน้าปราบปรามตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
การบริโภคได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักมาตั้งแต่การเกิดโควิด-19 ครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น และคาดว่าการใช้จ่ายช่วงวันหยุดในฤดูร้อนนี้ จะได้รับผลกระทบเช่นกัน จากการปิดสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงการยกเลิกกิจกรรมทางวัฒนธรรม และเที่ยวบินจำนวนมาก
การเคลื่อนไหวเชิงรุกของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้จำนวนผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ น่าจะพิสูจน์ได้ว่ามีต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ โดยชั่งน้ำหนักระหว่างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแออยู่แล้ว ในขณะที่ การส่งออกชะลอตัว, ราคาโรงงานสูงขึ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะถดถอย
การแพร่ระบาดที่ท่าเรือหนิงโปในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้รัฐบาลสั่งหยุดการให้บริการทั้งขาเข้าและขาออก โดยท่าเรือหนิงโปเป็นท่าเรือคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของจีน
หากมีการปิดท่าเรือเช่นนี้ต่อเนื่องหลายสัปดาห์ จะไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเศรษฐกิจจีนเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการนำเข้าในประเทศอื่นๆ ด้วย
Chang Shu และ David Qu นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg แสดงความเห็นว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงความต้องการบริโภคที่ลดลงในช่วงปลายเดือน ก.ค. และความกังวลเรื่องงานที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นเดือน ส.ค.
บ่งชี้ว่า ความล้มเหลวในการเติบโตในช่วงครึ่งหลังจะมากกว่าในช่วงต้นปี และได้เพิ่ม Downside Risks ต่อการคาดการณ์ก่อนหน้านี้สำหรับการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ 6.8% ในไตรมาสที่ 3
ที่มา: Bloomberg
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel