Breaking News: GDP ไทย ‘ยังไม่ถดถอย’ ไตรมาส 2/64 โต 0.4% เทียบไตรมาสก่อน สภาพัฒน์ฯ หั่นเป้าปีนี้เหลือโต 0.7% –1.2%

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ขยายตัว 7.5% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการลดลง -2.6% ในไตรมาสก่อนหน้า (YoY) 

เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) พบว่า GDP ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ขยายตัว 0.4% โดยการส่งออกสินค้าและบริการ การผลิตภาคเกษตรกรรม และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวได้ดี แต่โมเมนตัมการขยายตัวลดลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.

ด้านแนวโน้มปี 2564 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัว 0.7% –1.2% มีค่ากลางที่ 1% ภายใต้สมมติฐาน 

  1. การแพร่ระบาดในประเทศจะผ่านพ้น​​จุดสูงสุดในไตรมาสที่ 3 และดีขึ้นตามลำดับในไตรมาสที่ 4 
  2. ไม่มีการแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น ในพื้นที่ฐานการผลิตและภาคการท่องเที่ยวที่สำคัญ
  3. กระจายวัคซีนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถกระจายวัคซีนได้ 85 ล้านโดส ในสิ้นปี 2564
  4. เศรษฐกิจโลกขยายตัวที่ 6%

โดยปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย มีดังนี้

ปัจจัยสนับสนุน

  1. การปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และควาบคืบหน้าในการกระจายวัคซีน
  2. แรงขับเคลื่อนจากการเบิกจ่ายภาครัฐ โดยการลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น
  3. การปรับตัวดีขึ้นของรายได้เกษตรกร ตามการขยายตัวของผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร
  4. การปรับตัวตามฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี 2563

ปัจจัยเสี่ยง

  1. การแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงท่ามกลางการกลายพันธุ์ของไวรัส รวมถึงความไม่แน่นอนด้านความล่าช้าในการกระจายวัคซีน
  2. เงื่อนไขฐานะการเงินของภาคครัวเรือนและธุรกิจภายใต้ภาวะแรงงานยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
  3. ความไม่แน่นอนในการขยายตัวของภาคการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม
  4. ความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก

ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ จะขยายตัว16.3% ขณะที่การอุปโภคบริโภคจะขยายตัว 1.1% และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 4.7% ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยาย 8.7% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 1.0% – 1.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล -2.0% ของ GDP

ที่มา: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 

——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
TSF2024