ในเวลาที่โลกเผชิญความเสี่ยงจากทั้งสงครามและภาวะเศรษฐกิจถดถอย มาตรการล็อกดาวน์ของจีนจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงและทำให้เศรษฐกิจโลกหยุดชะงักลงอีกครั้ง
จีนเป็นหนึ่งในเสาหลักของการเติบโตทั่วโลก หากจีนล้มเหลวในการควบคุมโอมิครอนและสั่งล็อกดาวน์เพิ่มเติม เศรษฐกิจจีนที่เริ่มต้นปีมาอย่างสดใสอาจชะลอตัวลง
ในฐานะผู้ผลิตคนสำคัญของโลก การผลิตที่หยุดชะงักในจีนจะนำไปสู่การขาดแคลนสินค้า และผลักดันให้สถานการณ์เงินเฟ้อในต่างประเทศแย่ลงไปอีก แม้ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อแล้วก็ตาม
ผลสำรวจผู้จัดการกองทุนโดย BoA รายงานว่า ความเชื่อมั่นต่อการเติบโตทั่วโลกต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2008 และความคาดหวังที่จะได้เห็น Stagflation พุ่งขึ้นเป็น 62%
นี่ถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของจีน โดยเมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) จีนพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 5,000 รายเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นระดับต่ำตามมาตรฐานโลก แต่ด้วยนโยบายควบคุมโควิดที่เข้มงวดของจีนทำให้ชาวจีนกว่า 45 ล้านคนถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน
จีนสั่งล็อกดาวน์เซินเจิ้น ‘ซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย’ ที่มี GDP คิดเป็น 11% ของเศรษฐกิจจีน อยู่ที่ประมาณ 1.96 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศสเปน หรือเกาหลีใต้ทั้งประเทศ
Bloomberg Economics เตือนว่า การล็อกดาวน์ในเซินเจิ้นถือเป็นภัยคุกคามที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานทั่วโลก และเป็นการควบคุมโควิดครั้งใหญ่ที่สุดของจีนนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดครั้งแรก
ตอนนี้ Hon Hai Precision ซัพพลายเออร์สำคัญของ Apple กำลังหยุดการผลิตที่โรงงานในเซินเจิ้น ขณะที่ ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกอย่าง Volkswagen และ Toyota เริ่มหยุดการผลิตบางส่วนในมณฑลจี๋หลิน
จีนเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของโลก และเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดของห่วงโซ่อุปทานโลก ดังนั้นการล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของคู่ค้าและเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) ทางการจีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนของบริษัทที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ แต่โฆษกสำนักสถิติแห่งชาติเตือนว่าการล็อกดาวน์ ต้นทุนที่สูงขึ้น และการหยุดชะงักในการผลิต อาจไปชะลอการเติบโต
อ้างอิง:
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel