Goldman Sachs คาดว่าสินค้าโภคภัณฑ์จะเป็นประเภทสินทรัพย์ที่ทำผลตอบแทนสูงสุดอีกครั้งในปี 2023 โดยจะพุ่งขึ้นมากกว่า 40%
Goldman Sachs ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งวอลล์สตรีทกล่าวว่า แม้ไตรมาสแรกของปีหน้าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคจากทั้งความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และจีน แต่การขาดแคลนวัตถุดิบตั้งแต่น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ไปจนถึงโลหะ จะหนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ในปลายปี 2020 Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ‘วงจรสูงสุด (Supercycle)’ ของสินค้าโภคภัณฑ์จะเติบโตเป็นเวลาหลายปี ซึ่งบริษัทยังคงมีมุมมองเช่นเดิม แม้ราคาจะลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จากการปิดเมืองในจีนและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กดดันความต้องการของผู้บริโภค
ทีมนักกลยุทธ์ของ Goldman Sachs นำโดย Jeff Currie และ Samantha Dart ระบุว่า แม้ในเดือน พ.ย. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมากจะขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมดก็น่าผิดหวังเช่นกัน
Goldman Sachs อธิบายเพิ่มว่า ราคาที่สูงเป็นพิเศษที่ได้เห็นเมื่อต้นปีนี้ไม่สามารถสร้างกระแสเงินทุนไหลเข้าที่เพียงพอได้ ซึ่งหากไม่มี CAPEX ที่เพียงพอในการสร้างกำลังการผลิตสำรอง สินค้าโภคภัณฑ์จะยังคงติดอยู่ในภาวะขาดแคลนในระยะยาว ด้วยราคาที่สูงขึ้นและผันผวนมากขึ้น
Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ดัชนีผลตอบแทนรวมของ S&P GSCI ซึ่งเป็นมาตรวัดการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะเพิ่มขึ้น 43% ในปี 2023
บริษัทคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะพุ่งขึ้นเป็น 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 เพิ่มขึ้นจากราคาปัจจุบันที่ $82 ส่วนราคาทองแดงจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,050 ดอลลาร์ต่อตัน จากประมาณ 8,400 ดอลลาร์ และราคาก๊าซธรรมชาติเหลวเอเชียจะเพิ่มขึ้นจาก 33 ดอลลาร์ต่อล้านหน่วยความร้อนบริติชเป็น 53.10 ดอลลาร์
อ้างอิง:
https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-12-15/goldman-commodity-supercycle?sref=e4t2werz
——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel