ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรงที่สุดในรอบ 2 ปี หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาร้อนแรงกว่าคาด สัญญาณกดดัน Fed ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
เมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ส.ค. อยู่ที่ 8.3% ลดลงจากระดับ 8.5% ในเดือน ก.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ 8% และเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดทำให้ตลาดมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 75 bps หรืออีก 0.75% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. นี้ เพราะเป้าหมายหลักของ Fed คือการควบคุมเงินเฟ้อที่ร้อนแรงเกินไป
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรงที่สุดนับตั้งแต่ 2020 โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงมา 4.32% ด้านดัชนี Dow Jones ลดลง 3.94% และดัชนี Nasdaq ร่วงหนัก 5.16%
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 4 bps อยู่ที่ 3.45% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 87.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาทองคำร่วง 0.2% สู่ 1,698.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์
หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวลงมาอย่างหนัก นำโดย Nvidia ร่วงลงมา 9.47%, Meta ร่วงลงมา 9.37%, Amazon ร่วงลงกว่า 7%, Alphabet บริษัทแม่ของ Google ลดลง 5.9%, Apple ปรับตัวลดลง 5.87% และ Microsoft ลดลง 5.5%
ขณะที่หุ้นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ปรับตัวลงมาเช่นกันที่ 4.04% หุ้นในอุตสาหกรรมพลังงาานปรับตัวลงมาเช่นกัน Exxon Mobil ลดลง 2.34% ขณะที่ Chevron ปรับตัวลงมา 1.9% รวมถึงหุ้นแบรนด์บัตรเครดิตยักษ์ใหญ่อย่าง Visa และ Mastercard ปรับตัวลงมากว่า 3%
อ้างอิง: Bloomberg และ TradingView
——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel