ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตือนค่าไฟฟ้าผันแปรหรือค่า Ft งวดสิ้นปีเดือน ก.ย. – ธ.ค. อาจพุ่งถึง 90-100 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งนี่หมายถึงค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 5 บาท/หน่วย
โดย 3 สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่า Ft เพิ่มขึ้น มีดังนี้
⚡ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น: ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นมาตลอด โดยตอนนี้มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ $39 ต่อล้าน BTU จากก่อนหน้านี้ที่ประมาณ $20 ต่อล้าน BTU
⚡กำลังการผลิตในอ่าวไทยลดลง: การผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเอราวัณยังไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาอยู่ที่วันละ 800-1,000 ล้าน ลบ.ฟุตได้ ซึ่งตอนนี้ผิตได้เพียงวันละ 350-400 ล้าน ลบ.ฟุตเท่านั้น ปริมาณที่หายไปมีผลต่อราคาถ่วงน้ำหนัก และต้องเพิ่มการนำเข้าก๊าซจากนอกประเทศ โดยคาดว่าปัญหานี้จะยาวไปไม่ต่ำกว่า 2 ปี
⚡เงินบาทอ่อนค่า: เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมากอยู่ที่ 36.22 บาท จากระดับ 34.40 บาท ในเดือน พ.ค. ส่งผลให้ราคานำเข้า LNG ปรับสูงขึ้นตามอัตราแลกเปลี่ยน ยิ่งเงินบาทอ่อนค่ามากขึ้นเท่าไร ราคาก๊าซที่จะต้องซื้อก็แพงขึ้นเท่านั้น
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ค่า Ft ที่คำนวณได้แท้จริงนั้นสูงกว่าที่เรียกเก็บจากประชาชนอยู่มาก เพราะรัฐบาลมีนโยบายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตรึงค่า Ft ให้ประชาชนจ่ายต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง ทำให้เป็นภาระตกอยู่ที่กฟผ.แทน โดยค่า Ft ตั้งแต่งวดสุดท้ายของปี 64 ถึงปัจจุบัน กฟผ.รับภาระไปแล้วประมาณ 80,000 ล้านบาท
ซึ่งกกพ.พิจารณาแล้วว่าหากค่า Ft งวดสิ้นปีพุ่งถึง 90-100 สต./หน่วย และ กฟผ.ยังต้องแบกรับภาระค่า Ft ต่อไปนั้น กฟผ.จะมีภาระค่าเชื้อเพลิงพุ่งทะลุ 100,000 ล้านบาทแน่นอน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องขึ้นค่า Ft ตามสภาพความเป็นจริงของราคาก๊าซ LNG
กกพ.ชุดปัจจุบันได้จัดลำดับความสำคัญของการกำกับดูแลค่าไฟฟ้าไว้แล้ว โดยจะดูแล “ความมั่นคง” ด้านพลังงานของประเทศเป็นอันดับแรก ส่วนลำดับรองลงมาถึงจะเป็นการดูแล “ผลกระทบ” ต่อค่าครองชีพของประชาชน
ดังนั้น ประชาชนต้องเตรียมตัวกันไว้สำหรับค่าไฟฟ้า 5 บาทต่อหน่วย จากเหตุผลที่ว่า หากยังปล่อยให้ กฟผ.รับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงมากกว่า 100,000 ล้านบาทต่อไปแล้ว ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในการผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศอย่างแน่นอน
อ้างอิง: https://www.prachachat.net/economy/news-978919
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel