News Update: กฎหมายใหม่จีน ให้อำนาจสี จิ้นผิง ปิด-ปรับ-ยึดใบอนุญาต บ.เทคโนโลยี เพื่อดูแลความปลอดภัยของข้อมูล

กฎหมายการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลแบบใหม่ของจีนทำให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีอำนาจในการปิด ปรับ หรือยึดใบอนุญาตบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งกฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันของเขาในการควบคุมข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ครอบครองโดยยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba Group Holding Ltd. และ Tencent Holdings Ltd.

บริษัทต่างๆ ที่ถูกพบว่ามีการจัดการข้อมูลไม่ถูกต้อง อาจถูกบังคับให้หยุดดำเนินการ เพิกถอนใบอนุญาตในการดำเนินงาน หรือปรับสูงถึง 10 ล้านหยวน (1.6 ล้านดอลลาร์) ภายใต้กฎหมายที่ออกโดยองค์กรนิติบัญญัติของประเทศเมื่อวันพฤหัสบดี

บริษัทที่เปิดเผยข้อมูลสำคัญในต่างประเทศอาจถูกปรับและลงโทษเช่นเดียวกัน และบริษัทที่ให้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แก่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจต้องเผชิญกับบทลงโทษโดยการเสียค่าปรับสูงถึง 5 ล้านหยวนรวมถึงการระงับธุรกิจ ตามกฎหมายที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ สภาประชาชนแห่งชาติ โดยกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน นี้

ฝ่ายบริหารของสี จิ้นผิงได้ควบคุมการกักตุนข้อมูลของบริษัทเทคโนโลยีในประเทศอย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกำหนดให้จีนเป็นผู้นำในด้านข้อมูลขนาดใหญ่ ปักกิ่งทุ่มเงินลงในศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอื่นๆ เพื่อทำให้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยสนับสนุนความชอบธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์

กฎหมายดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญด้านกฎระเบียบด้านการคุ้มครองข้อมูลโดยรวมในประเทศจีน” Carolyn Bigg ทนายความที่เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีเกี่ยวกับ DLA Piper ในฮ่องกง กล่าว บริษัทต่างๆ ยังคงต้องรอคำแนะนำและมาตรฐานทางเทคนิคเกี่ยวกับมาตรการเชิงปฏิบัติที่พวกเขาต้องปฏิบัติตามสำหรับกรอบการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์นี้ยังคงเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและเป็นภาระมากขึ้นสำหรับธุรกิจระหว่างประเทศที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายนี้” Carolyn Bigg กล่าวเสริม

ราคาหุ้นเทคโนโลยีของจีน Alibaba ลดลง 1.2% และ Tencent ลดลง 0.8% ขณะที่ Meituan เพิ่มขึ้น 3.1%

เศรษฐกิจดิจิทัลของจีนเติบโตเร็วกว่า GDP ในปี 2019 มาก ตามข้อมูลของสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศจีน ประเทศจีนจะถือครองข้อมูลประมาณหนึ่งในสามของข้อมูลทั่วโลกภายในปี 2568 ซึ่งมากกว่าโครงการวิจัยตลาดของ IDC ของสหรัฐฯ ประมาณ 60%

ที่มา: Bloomberg

——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน